งาน CES 2022 มีการเปิดตัวอุปกรณ์สวมใส่เพียบ ทั้งนาฬิกาอัจฉริยะจนไปถึงอุปกรณ์ออกกำลังกาย ลองไปดูกันว่าแต่ละแบรนด์มีความน่าสนใจอย่างไร

Garmin Venu 2 Plus

Garmin Venu 2 Plus เป็นรุ่นอัปเกรดจาก Garmin Venu 2  ที่เปิดตัวเมือเดือนเมษายนปีที่แล้ว ซึ่งการใช้งานจะคล้ายกัน โดยจะเพิ่มฟีเจอร์ใหม่อย่างผู้ช่วยเสียงและรองรับการโทรออก/รับสายโทรศัพท์ได้

การทำงานรองรับทั้ง Android และ iOS เชื่อมต่อผ่านบลูทูธ เพื่อให้สามารถใช้งานผู้ช่วยเสมือนจริงอย่างGoogle Assistant, Bixby หรือ Siri ขึ้นกับสมาร์ตโฟนที่คุณเชื่อมต่ออยู่ว่าเป็นแบรนด์ไหน เพียงแค่เรากดปุ่มตรงกลางเรือนค้างไว้ก็จะเรียกใช้งานผู้ช่วยเหล่านี้ได้ทันที สามารถถามเวลา สภาพอากาศ ตารางนัดหมายจากนาฬิกาได้เลย เพราะเขาฝังไมโครโฟนและลำโพงมาให้ในตัว

เรายังสามารถรับสายและโทรออกได้ เพียงแค่เลื่อนหน้าจอขึ้นมาก็จะเป็นแป้นตัวเลขสำหรับกดเบอร์โทร ส่วนการใช้งานจริงนั้นให้เสียงที่ค่อนข้างชัด เสียงใส นอกจากนั้น Venu 2 Plus ยังมาพร้อมโหมดออกกำลังกายและสุขภาพ ตรวจจับการออกกำลังกาย มี GPS ในตัว, มีหน่วยความจำในตัวสามารถเก็บเพลงได้ รวมถึงรองรับ Garmin Pay แตะจ่ายเงินได้ ส่วนราคาขายอยู่ที่ 449.99 ดอลลาร์หรือประมาณ 15,100 บาท

Garmin Vivomove Sport

Garmin Vivomove Sport นั้นจะเป็นนาฬิกาไฮบริด ผสมผสารระหว่างนาฬิกาอัจฉริยะและอุปกรณ์สวมใส่วัดสุขภาพ ดีไซน์จะเป็นแบบอนาล็อก ไม่ได้ใส่รูปทรงไฮเทคจนเกินไปเพื่อให้ใส่ใช้งานในชีวิตประจำวันได้สบายๆ เมื่อเรากดที่หน้าจอก็จะแสดงข้อมูลการออกกำลังกาย , การแจ้งเตือนจากมือถือ รวมถึงข้อมูลอื่นๆ

มันสามารถตรวจจับการทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นก้าวเดิน, การเผาผลาญแคลอรี, ระยะทางและ active time เสริมด้วยฟีเจอร์ Body Battery และ stress tracking ของ Garmin

แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 5 วันต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง แถมด้วยโหมดพิเศษใช้เป็นนาฬิกาต่อได้อีก 1 วัน สนนราคาขายค่อนข้างสบายกระเป๋าอยู่ที่ 179.99 ดอลลาร์หรือประมาณ 6,050 บาท


Skagen Falster Gen 6

ใครที่ชอบ Fossil Gen 6 แต่อยากได้ดีไซน์ที่มินมินมอลกว่า Skagen Falster Gen 6 เป็นรุ่นที่ตอบโจทย์ที่สุด เพราะซอฟท์แวร์ด้านในนั้นจะเป็นแพลตฟอร์มแบบเดียวกับ Fossil มาพร้อมชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon Wear 4100 Plus พร้อม RAM 1GB ประมวผลผลอย่างรวดเร็ว เปิดแอปไหลลื่น รวมถึงสามารถใช้งาน Google Assistant ได้ด้วย รวมถึงเขามีการวางแผนเพิ่มการสนับสนุน Amazon Alexa ภายในปีนี้ด้วย

ระบบปฏิบัติการเป็น Wear OS 2 รองรับการอัปเดตเป็น Wear OS 3 ภายในปีนี้ ส่วนสนนราคาอยู่ที่ 295 ดอลลาร์หรือประมาณ 9,900 บาท

Razer X Fossil Gen 6

A Razer X Fossil Gen 6 sits on a green and black industrial surface.

Razer ผู้ผลิตอุปกรณ์ Gaming ชื่อดังได้จับมือกับ Fossil เปิดตัว  Razer X Fossil Gen 6 ซึ่งเป็นการเอา Fossil Gen 6 มาติดแบรนด์ Razer เข้าไปซึ่งฟีเจอร์ต่างๆจะเหมือนกัน คือมาพร้อมชิป Snapdragon Wear 4100 Plus ทำงานได้อย่างไหลลื่น มีหน่วยความจำเก็บเพลงในตัว มี SpO2 วัดระดับออกซิเจนในเลือด

สิ่งที่ต่างกันก็คือโลโก้แบรนด์ Razer ที่เพิ่มเข้า พร้อมกับหน้าปัดแบบ exclusive อีก 3 แบบให้เลือกใช้ ตัวเรือนมาในรูปทรงโฉบเฉี่ยว สีดำดุดันและสายสีเขียวทีเป็นเอกลักษณ์ โดยตัวเรือนจะมีขนาดเดียวคือ  44mm

สำหรับคนที่สนใจเขาผลิตในจำนวนจำกัดแค่ 1,337 เรือนเท่านั้น โดยจะวางขายในวันที่ 10 มกราคมนี้ ในราคาเรือนละ 329.99 ดอลลาร์หรือประมาณ 11,080 บาท


MindMics

MindMics application

MindMics เป็นแพลตฟอร์มสำหรับสอดส่องมาตรวัดสำคัญๆของร่างกาย เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ, ความแปรผันของอัตราการเต้นของหัวใจ (heart rate variability ;HRV), อัตราการหายใจจนไปถึงระดับความเครียด ซึ่งการใช้งานง่ายเหมือนเราสวมหูฟัง

ทางผู้พัฒนาใช้เทคโนโลยี Infrasonic Hemodynography ในการวัดเสียงที่หูคนไม่ได้ยินซึ่งเกิดจากหัวใจและอวัยวะภายในร่างกาย ส่งผลให้เก็บข้อมูลอย่างการเปิดปิดลิ้นหัวใจแต่ละห้อง  ทุกครั้งที่เราสวมหูฟังที่มีเทคโนโลยีนี้มันก็จะวัดและบันทึกข้อมูลเพื่อส่งต่อไปยังแอปบนมือถือแบบ real-time

ส่วนเทคโนโลยีตรวจจับการเต้นของหัวใจก็จะฝังลงไปในหูฟังเช่นกัน มันจะคอยสอดส่องอัตราการเต้นของหัวใจผ่านคลื่นความถี่ที่หูไม่ได้ยิน เรื่องแบตเตอรี่หายห่วง ทางผู้บริหารของ MindMics บอกว่าเทคโนโลยีติดตามสุขภาพเหล่านี้จะใช้พลังงานไม่มาก ทำให้ใช้งานสั้นลงไม่กี่นาทีเท่านั้น จึงไม่ส่งผลต่อการใช้งานโดยรวม

ส่วนประสิทธิภาพการติดตามนั้นเพิ่งผ่านการทดสอบเชิงคลินิกไป 2 รอบแล้วซึ่งก็ให้ผลในระดับที่น่าพอใจ ตอนนี้ทาง  MindMics กำลังทำงานร่วมกับผู้ผลิตหูฟังแบบมีสายอยู่ ส่วนหูฟังไร้สายจะตามมาในอนาคต


Movano Ring

Movano Ring CES 2022

 Movano Ring เป็นแหวนที่ออกแบบมาให้สาวๆใช้งานได้ทุกวัย ที่ต้องการเข้าใจการทำกิจกรรมและสุขภาพในแต่ละวัน สอดส่องมาตรวัดสำคัญๆ ทั้งการหายใจ อัตราการเต้นของหัวใจ อุณหภูมิร่างกาย ก้าวเดิน แคลอรี่ที่เผาผลาญไป รวมถึงตรวจจับการนอนได้ด้วย สิ่งที่ทำให้ Movano Ring แตกต่างคือ รูปทรงที่โดดเด่น และแอปที่ทำงานคู่กัน ให้ข้อมูลที่เห็นภาพรวมของสุขภาพของเรา

ทางผู้พัฒนาเองกำลังทดสอบเชิงคลินิก ในการวัดความดันและระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งจะต้องผ่านการอนุมัติจาก FDA ถึงจะใช้งานได้ ซึ่งขั้นตอนนี้อาจจะต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ๆ

ตัวแหวนมี 4 สีให้เลือก คือ สีดำ, ทองแดง, เงินและสีทอง โดยจะเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมโปรแกรมทดสอบในครึ่งหลังของปีนี้

Circular Ring

Circular Ring CES 2022

Circular Ring นั้นจะมีฟีเจอร์คล้ายๆ Movano Ring ทั้งวัดสุขภาพและการนอน โดยในส่วนของการนอนนั้นจะมีการให้คะแนนเวลาที่เราตื่นขึ้นมา รวมถึงให้ข้อมูลที่เยอะกว่า เช่น การหลับลึกและนาฬิกาชีวภาพ

ตัวแหวนมีน้ำหนักเบาแค่ 4 กรัมมาพร้อมคุณสมบัติกันน้ำ 5ATM รวมถึงมรเคสด้านนอกเพื่อเปลี่ยนสีและเพิ่มความทนทานในการทำกิจกรรมต่างๆได้ บนแหวนจะมีปุ่มกดซึ่งเราสามารถตั้งดปรแกรมได้ เช่น กดหนึ่งครั้งสั่งเปิดแอปที่ตั้งไว้บนมือถือ เป็นต้น นอกจากนั้นเวลาที่มีการแจ้งเตือนหรือสายโทรเข้ามา แหวนก็จะสามารถส่งเสียงให้เรารู้ ส่วนแบตเตอรี่ชาร์จเต็มใน 60 นาที

ส่วนคนที่สนใจตอนนี้เปิดให้จองล่วงหน้าแล้ว สนนราคาอยู่ที่ 289 ยูโรหรือประมาณ 10,970 บาท แต่ถ้าใครจองก่อน 27 กุมภาพันธ์นี้ก็จะได้ในราคาพิเศษที่ถูกลง

Nowatch

Nowatch smartwatch CES 2022

Nowatch เป็รนาฬิกาที่มีเอกลักษณ์สูง  smartwatch แต่ฟีเจอร์การทำงานนั้นจะเน้นเรื่องของการสอดส่องสุขภาพและการออกกำลังกาย

ความสามารถหลักคือ คาดคะเนระดับความเครียดได้ โดยวัดจากระดับคอร์ติซอล (cortisol) ผ่านสัญญาณ electrodermal activity (EDA) แบบเดียวกับ Fitbit Sense ซึ่งทีมพัฒนาเคลมว่าสามารถคาดเดาได้ล่วงหน้าถึง 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว ทำให้เรามีเวลาหยุดสิ่งที่ทำอยู่ ออกไปเดินผ่อนคลาย ทำสมาธิ เพื่อให้ความเครียดลดลง ซึ่งอัลกอริทึ่มวัดความเครียดนี้พัฒนาโดย Philips ส่วนการวัดสุขภาพ การนอน การหายใจทำได้อยู่แล้ว แต่การออกกำลังไม่สามารถแยกติดตามผลเป็นรายชนิดกีฬาได้

ตัวเรือนเป็นสแตนเลสสตีล รองรับจานแม่เหล็กเปลี่ยนสีให้เข้ากับอารมณ์หรือการแต่งกายได้ แบตเตอรี่สามารถใช้งานต่อเนื่อง 14 วันพร้อมคุณสมบัติกันน้ำ 3ATM
ใครที่สนใจเปิดให้สั่จองล่วงหน้าตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์นี้ สนนราคาอยู่ที่ 599 ดอลลาร์หรือประมาณ 21,100 บาท
ที่มา AndroidAuthority