หลักจากที่วิกฤตชิปขาดแคลนเพิ่งจะเริ่มคลี่คลายได้ไม่ทันไร แต่ดูเหมือนว่าเราอาจจะต้องเผชิญกับปัญหาชิปขาดแคลนรอบใหม่ เมื่อทางการจีนได้สั่งล็อกดาวน์เซินเจิ้นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญของจีนและของโลกในด้านการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคป้อนสู่ตลาดโลก
โดยทางการท้องถิ่นของเขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้น ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีทางตอนใต้ของจีนและมีพรมแดนติดไต้หวัน ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เมื่อช่วงค่ำวันอาทิตย์ที่ผ่านมาและสั่งให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน เนื่องจากกำลังเผชิญกับการระบาดรุนแรงของโรคโควิด-19 ที่เชื่อมโยงกับฮ่องกงที่กำลังเกิดการระบาดอย่างหนัก โดยการประกาศล็อคดาวน์นี้มีผลถึงวันที่ 20 มีนาคมและอาจพิจารณาขยายการล็อคดาวน์ออกไปหากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น
ซึ่งการประกาศล็อคดาวน์ครั้งนี้สร้างความกังวลไปทั่วตลาดผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคว่าจะสร้างผลกระทบกับห่วงโซ่การผลิตในอุตสาหกรรมที่ต้องอาศัยชิ้นส่วนอิเล็คโทรนิคเป็นส่วนประกอบ ซึ่งไม่ใช่กระทบแค่อุตสาหกรรม IT แต่อุตสาหกรรมอื่นอย่างเช่น อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ก็อาจได้รับผลกระทบไปด้วย
ทั้งนี้เขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้นถือเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีน เช่น หัวเว่ย (Huawei) ออปโป้ (Oppo) ทีซีแอล (TCL) และยังเป็นศูนย์กลางการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญให้ฟ็อกซ์คอนน์ ซึ่งเป็นผู้รับผลิตชิ้นส่วนรายใหญ่ให้แก่แอปเปิล กูเกิล และแอมะซอน
รวมถึงยังเป็นฐานการผลิตชิปแรมของ Samsung, Powertech Technology (PTI) และ Micron Technology ด้วย โดยผู้ผลิตเหล่านี้ต่างก็พยายามเปลี่ยนไปใช้กำลังการผลิตจากโรงงานอื่นในประเทศเพื่อบรรเทาความรุนแรงของปัญหา ซึ่งการล็อคดาวน์ที่ไม่คาดคิดนี้จะส่งผลกระทบต่อ Supply Chain อุปกรณ์อิเล็คโทรนิคแน่นอน
ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่ามาตราการเข้มข้นของทางการจีนที่ใช้วิธีล็อคดาวน์ห้ามคนกว่า 17.5 ล้านคนในเมืองเซินเจิ้นออกนอกพื้นที่และทำการปูพรมตรวจคัดกรองหาผู้ติดเชื้อเพื่อแยกออกมาทำการรักษานั้นจะทำให้เซินเจิ้นกลับมาทำการผลิตชิ้นส่วนอิเล็คโทรนิคได้ในเร็ววันหรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วสถานการณ์การขาดแคลนชิปรอบใหม่ที่อาจจะรุนแรงกว่าเดิมอาจจะกลับมาได้
***************************************************************************************
อ้างอิง
https://www.tomshardware.com/news/chinas-silicon-valley-locked-down-could-affect-supply-chains