พ.ร.บ. PDPA ออกแบบมาเพื่อคุ้มครองประชาชน ปกป้องข้อมูลส่วนตัวทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่ให้นำข้อมูลส่วนตัวของเราไปใช้ประโยชน์โดยที่เราไม่รู้ สิ่งที่ทำให้คนตื่นตัวเนื่องจากบทลงโทษค่อนข้างสูง คือแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ
- โทษอาญา: จำคุกสูงสุดไม่เกิน 6 เดือนถึง 1 ปี หรือปรับสูงสุดไม่เกิน 500,000 ถึง 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- โทษแพ่ง: ค่าสินไหมทดแทน + ค่าสินไหมเพื่อการลงโทษอีกไม่เกิน 2 เท่าของค่าเสียหายตามจริง
- โทษปกครอง: ปรับไม่เกิน 5 ล้านบาท
จริงๆแล้วพรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ไม่ได้ห้ามใช้ ห้ามบันทึกข้อมูลของคนอื่น แต่หัวใจสำคัญคือ เอาไปใช้เท่าที่จำเป็น ปลอดภัย และโปร่งใส”
- จำเป็น – ขอไปใช้ทำอะไร ใช้แค่นั้น ไม่ใช้นอกวัตถุประสงค์ที่ขอไป
- ปลอดภัย – นำข้อมูลไปใช้แล้วไม่ก่อให้เกิดความเสียหายกับเจ้าของข้อมูล
- โปร่งใส – เจ้าของข้อมูลรับรู้ ยินยอมและตรวจสอบได้
จะเห็นได้ว่าการจะผิดกฎหมายหรือไม่นั้น จะมีหลายองค์ประกอบด้วยกัน เราต้องดูก่อนว่าใครเป็นคนนำไปใช้ และเอาไปใช้ทำอะไรได้ประโยชน์หรือไม่ ใช้แล้วเกิดผลกระทบต่อเจ้าของข้อมูลอย่างไร
ลองมาดูประเด็นที่คนมักจะเข้าใจผิดกันบ้าง
1.ถ่ายติดคนอื่น โดยเจ้าตัวไม่ยินยอมผิด PDPA มั้ย?
ในกรณีที่เราไปถ่ายรูปหรือถ่ายคลิปวิดีโอแล้วติดคนอื่นมาโดยไม่เจตนานั้น หากใช้เพื่อใช้วัตุประสงค์ส่วนตัวและไม่เกิดความเสียหายกับผู้ถูกถ่าย เช่น เก็บไว้ดูเอง ไม่ถือว่าผิดกฎหมาย PDPA ค่ะ หากตั้งใจถ่ายบุคคลอื่นก็ต้องดูว่าเข้าข่ายละเมิดหรือเปล่า
มาตรา 4(1) การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ทำการเก็บข้อมูลเพื่อประโยชน์ส่วนตน หรือเพื่อกิจกรรมในครอบครัวของบุคคลนั้นเท่านั้น
3.กล้องวงจรปิด/กล้องหน้ารถ
กล้องวงจรปิดจะคล้ายๆกันค่ะ ถ้าหากเราติดในบริเวณบ้านของตัวเองเพื่อใช้ประโยชน์ส่วนตัว ดูว่าใครเข้าใครออกเพื่อรักษาความปลอดภัย ซึ่งภาพเหล่านี้ไม่มีการเผยแพร่ที่ไหน แต่จะถูกใช้เป็นหลักฐานทางกฎหมายในตอนที่เกิดเหตุร้ายขึ้นมา เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด
แต่ถ้าเป็นบริษัท ห้างร้าน หรือหมู่บ้าน อันนี้ไม่ได้ใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวแน่นอน แต่เพื่อรักษาความปลอดภัยของคนหมู่มาก อันนี้อาจจะต้องมีการติดป้ายบอกและชี้แจงว่ามีกล้องวงจรปิดกำลังทำงานอยู่
ส่วนกล้องหน้ารถจะคล้ายๆกับกล้องวงจรปิดค่ะ คือใช้เป็นหลักฐานทางกฎหมาย แต่ปัญหาจะเกิดขึ้น คือ ตอนนำมาเผยแพร่นี่แหละค่ะ หากใช้เป็นหลักฐานตามกฎหมายอันนี้ไม่มีปัญหาแน่นอน แต่หากเผยแพร่แล้วกระทบสิทธิคนอื่น อันนี้ก็ต้องมาพิจารณาเป็นรายคดีไป
จะเห็นว่าตัวกฎหมายนั้นยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกเยอะ รวมถึงทางผู้เกี่ยวข้องเองนั้นจะต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเป็นกรณีๆไปหากทำผิดจริงๆ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องติดคุกเสมอไป เพราะมีบทลงโทษอื่นๆด้วย รวมไปถึงกรณีอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล