เรียกว่าปีนี้เป็นปีชงของ Uber ก็คงจะไม่ผิด เพราะดูเหมือนว่าจะเจอสารพัดปัญหารุมเร้าตั้งแต่ต้นปีแบบไม่ได้หยุดหย่อน ไม่ใช่แค่ไทยเท่านั้น ยังรวมถึงบริษัทแม่ด้วย
#DeleteUber ชวนลบบัญชีผู้ใช้
เริ่มตั้งแต่ต้นปี ที่อเมริกาก็เจอกระแส #DeleteUber ที่เชิญชวนให้คนลบบัญชีผู้ใช้อูเบอร์ทิ้งไป หลักจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ได้รับการโหวตให้เป็นประธานาธิบดีคนล่าสุด ซึ่งผู้บริหารของอูเบอร์ก็ได้เป็นหนึ่งในทีมที่ปรึกษา นั่นหมายความว่าอูเบอร์สนับสนุนทรัมป์ไปโดยปริยาย สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใช้ฝั่งตรงข้ามทรัมป์ รวมถึงคนดังจากหลากหลายวงการออกมาชักชวนให้ลบแอปนี้ทิ้ง ส่งผลให้ผู้ใช้หายไปถึง 200,000 รายที่ลบบัญชีแบบถาวรในเวลาแค่สัปดาห์เดียว
ส่วนยอดดาวน์โหลดแอปคู่แข่งก็พุ่งขึ้นสูงจนติดอันดับ 4 ใน App Store สุดท้ายก็ทานกระแสไม่ไหวจนต้องลาออกจากทีมที่ปรึกษาของโดนัลด์ ทรัมป์
โดยฟ้อง ฐานทำให้เมียรู้ว่าเรียกรถไปหาชู้
ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ อูเบอร์โดนชายชาวฝรั่งเศสยื่นฟ้อง เหตุเพราะมีบั๊กในแอปบนคอมพิวเตอร์ ส่งข้อมูลกลับไปเว็บแม้ว่าจะ Log Out ออกไปแล้ว ทำให้ภรรยาที่อยู่ที่บ้านรู้ว่าเค้านั่งรถไปหากิ๊ก จนถูกฟ้องหย่าในเวลาต่อมา ซึ่งมูลค่าความเสียหายที่ชายคนนี้เรียกร้องสูงถึง 45 ล้านยูโรหรือประมาณ 167 ล้านบาท
ล่วงละเมิดทางเพศในองค์กร
หลังจากนั้นไม่นาน Susan J. Fowler อดีตวิศวกรซอฟต์แวร์หญิงของอูเบอร์ก็ออกมาแฉในบล็อกของตัวเอง ว่าตัวเธอโดนล่วงละเมิดทางเพศทางคำพูดในช่วงที่ทำงานที่อูเบอร์เป็นเวลาหนึ่งปี หลังได้พูดคุยกับพนักหญิงคนอื่นๆก็เจอเหตุการคล้ายๆกัน แม้จะร้องเรียนผ่านฝ่ายแผนกบุคคลแล้วก็ไม่มีการจัดการอะไรทั้งนั้น แถมเธอยังถูกกลั่นแกล้งอีกหลายอย่าง ไม่ให้ย้ายทีม ให้คะแนนประเมินงานต่ำ นั่นหมายถึงวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ใส่ใจสวัสดิภาพของพนักงานและไม่ให้ความเท่าเทียมกันระหว่างเพศ
หลังข่าวนี้เผยแพร่ออกมา ผู้บริหารเลยตัดสินจ้าง Eric Holder อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเข้ามาสอบสวนและแก้ปัญหานี้ในองค์กร
ยาเสพติด
สื่อใหญ่อย่าง New York Times เล่นข่าวว่าคนขับรถอูเบอร์หลายคนเสพยา นั่นทำให้ผู้ใช้บริการหลายคนเกิดความเสี่ยงตอนใช้งาน
โดน Google ฟ้อง
Waymo บริษัทลูกในเครือของกูเกิล รับผิดชอบเรื่องการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับได้ยื่นฟ้องอดีตพนักงาน ที่ลาออกมาตั้งบริษัทพัฒนารถยนต์ไร้คนขับเหมือนกันซึ่งภายหลังถูกอูเบอร์ซื้อกิจการไป ในข้อหาขโมยความลับทางการค้า ข้อมูลนี้รั่วไหลออกมาโดยบังเอิญ เนื่องจากซัพพลายเอร์ส่งอีเมลแบบไฟล์ผิดไปให้ ทำให้รู้ว่าเขาแอบดาวน์โหลดข้อมูลไปก่อนลาออก แน่นอนว่าอูเบอร์ออกมาปฏิเสธเรื่องนี้อย่างทันควัน พร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาล
หลังจากข่าวนี้ออกไปไม่นานก็มีข่าวว่ารถยนต์ไร้คนขับที่อูเบอร์กำลังทดสอบ ฝ่าไฟแดง โดยอ้างว่าเป็นความผิดพลาดของคนขับที่ไม่สามารถหยุดรถได้ทันเวลา
CEO ทะเลาะกับคนขับ
ช่วงต้นเดือนมีนาคม มีมือดีปล่อยคลิป Travis Kalanick ซีอีโออูเบอร์ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ จนโต้เถียงกับผู้ขับของอูเบอร์ หลังจากที่คนขับรับขึ้นรถแล้วรู้ว่าเป็นผู้บริหารจึงชวนคุยเรื่องการบริการของ “Uber Black” ที่มีคนเรียกน้อยลง ส่งผลให้รายได้ลดลงไป เนื่องจาก Lyft เข้ามาแย่งลูกค้าในตลาดด้วยค่าบริการที่ถูกกว่า ทำให้อูเบอร์ต้องลดค่าบริการ Black ตามไปด้วย ทำให้เค้ากำลังจะตายเพราะรายได้ที่หายไปเยอะมาก
ทาง Kalanick จึงโกรธและโต้ตอบกลับด้วยความโมโหแล้วลงจากรถไป ซึ่งภายหลังที่คลิปนี้หลุดออกมา ทางซีอีโอก็ต้องออกมาขอโทษยกใหญ่
Uber เสียมือดีหลายคน
ในช่วงต้นปี มีพนักงานมือดีลาออกจากอูเบอร์แล้วหลายคน ซึ่งสองคนในนั้นก็คือ Amit Singhal อดีตผู้บริหารของกูเกิล ส่วนอีกคนก็คือ Ed Baker ผู้บริหารระดับสูงของอูเบอร์ ที่ดูแลผลิตภัณฑ์ มากว่า 3 ปี ซึ่งการลาออกนั้นใกล้เคียงกับช่วงเวลาที่มีข่าวล่วงละเมิดทางเพศพนักงานหญิง จึงทำให้หลายคนโยงกับข่าวการสอบสวนที่เกิดขึ้น
ผู้บริหารหายตัวลึกลับ
ท่ามกลางปัญหาที่เข้ามามากมาย Ryan Graves ผู้บริหารฝ่ายบุคคล ได้หายตัวไปจากสำนักงานอย่างลึกลับ ไม่มีการเข้าสำนักงานเป็นเวลาหลายวัน จนต้องออกมาสื่อสารผ่านทวีตเตอร์พร้อมปรับปรุงบริการให้ดีขึ้น
หลอกคนล่อจับด้วย Greyballs
แน่นอนว่าอูเบอร์ยังเป็นบริการที่ผิดกฎหมายในหลายประเทศ ซึ่งก็มีการตรวจสอบจากภาครัฐเพื่อจับกุมผู้กระทำผิด ทางอูเบอร์จึงนำโปรแกรมมาช่วยหลีกเลี่ยงการตรวจสอบผู้ใช้ ช่วยระบุว่าคนไหนมีโอกาสเป็นเจ้าหน้าล่อซื้อบริการ ด้วยการเก็บข้อมูลพิกัดรอบๆหน่วยงานภาครัฐ รายละเอียดบัตรเครดิตว่ามีความเกี่ยวข้องกับหน่วยงานของรัฐอะไรบ้าง ถ้าเข้าข่ายผู้สงสัย เมื่อมีการเรียกรถเข้ามาก็จะส่งข้อความกลับไป ถูกปฏิเสธการจอง
หลังมีอดีตพนักงานออกมาเปิดเผยข้อมูล จนถูกวิจารณ์ยับ ล่าสุดร้อนถึงผู้บริหารต้องออกมาอธิบายยกใหญ่ พร้อมประกาศห้ามใช้ฟีเจอร์นี้หลอกเจ้าหน้าที่อย่างเด็ดขาด
ปัญหาทั้งหมดนี้ยังไม่รวมกับปัญหากับภาครัฐของประเทศต่างๆ ที่ถือว่าเป็นบริการที่ผิดกฎหมายอยู่ เราก็ต้องมาติดตามกันต่อว่าอูเบอร์ จะผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้มั้ย