ทุกวันนี้การเดินทางด้วยเครื่องบินนั้นดูจะเป็นเรื่องปกติที่ใคร ๆ ก็บินได้กันไปแล้ว และอีกไม่นานเราอาจจะมีอากาศยานส่วนบุคคลไว้ให้ใช้งานกัน แต่การพัฒนาอากาศยานและยานบินต่าง ๆ นั้นยังมีอีกหลากหลายรูปแบบ ซึ่งวันนี้เราจะไปดูกันว่าอนาคตของการบินจะเป็นอย่างไรกัน
“โดรน” อนาคตของอากาศยานส่วนบุคคลที่กำลังจะมาถึงในไม่กี่ปีนี้
แน่นอนว่าอากาศยานประเภทโดรนนั้นกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นทั้งใช้เป็นงานอดิเรกเพื่อการพักผ่อนหรือใช้งานจริงจังในหลายประเภทงาน เช่นการสำรวจ ขนส่ง หรือแม้แต่การแข่งขัน แต่โดรนนั้นยังมีศักยภาพในการพัฒนามาเป็นอากาศยานส่วนบุคคลเพื่อใช้สำหรับโดยสารได้อีกด้วย ซึ่งความคืบหน้าล่าสุดนั้นมีหลายบริษัททั่วโลกที่กำลังพัฒนาโดรนโดยสารส่วนบุคคล จะมีอะไรบ้างเรามาดูกัน
Airbus
เริ่มต้นด้วยผู้ผลิตเครื่องบินโดยสารรายใหญ่ของโลกกับ CityAirbus ซึ่ง Airbus ให้นิยามเป็น multicopter แทนที่จะเป็นโดรนโดย CityAirbus เป็นยานบินไฟฟ้าแบบ 4 ที่นั่งอันประกอบด้วยใบพัดขนาดใหญ่ 8 ตัวแบบแกนร่วม สามารถบินทำความเร็วสูงสุดได้ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและสามารถทำการบินในโหมดการบินอัตโนมัติได้ 15 นาที CityAirbus นั้นได้มีการเปิดตัวและบินสาธิตไปแล้วเมื่อปี 2019 ในเยอรมัน
Tetra
บริษัท Start-up จากญี่ปุ่นก็เพิ่งเปิดตัว Mk-5 ยานบินโดยสารที่นั่งเดี่ยว ซึ่งประกอบด้วยใบพัดแนวดิ่งจำนวน 32 ตัวและใบพัดท้ายสำหรับทำความเร็วอีก 1 ตัว สามารถบินทำความเร็วสูงสุดได้ 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมงครอบคลุมระยะทาง 160 กิโลเมตร แต่ Mk-5 นี้ยังรองรับน้ำหนักบรรทุกได้เพียง 80 กิโลกรัมเท่านั้น
Tetra มีแผนการผลิตและส่งมอบยานบินส่วนบุคคลนี้ให้กับลูกค้าภายในปี 2022
EHang
EHang บริษัทเทคโนโลยีจากประเทศจีนนี้พัฒนาและผลิตโดรนโดยสาร โดย EHang AAV เป็นโดรนสองที่นั่งที่สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้สองคนและสามารถทำการบินได้นานถึง 21 นาที ซึ่งสามารถเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางใดๆ ก็ได้ที่อยู่ห่างออกไป 45 กิโลเมตร ใบพัดของ EHang AAV ยังพับเก็บได้ซึ่งหมายความว่ามันสามารถลงจอดในที่จอดรถมาตรฐานได้ โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา EHang ได้เป็นบริษัทแรกที่ได้รับใบอนุญาตทางการค้าจากรัฐบาลจีนเพื่อทดสอบโดรนสำหรับโดยสาร
Vertical Aerospace
ในปี 2019 บริษัท Vertical Aerospace ของอังกฤษ ได้เปิดตัวภาพของตัวต้นแบบโดรนชนิด eVTOL (Electric Vertical Take-Off and Landing) ที่มีชื่อเรียกว่า ‘Seraph’ ซึ่งทำการบินทดสอบครั้งแรกที่สนามบินในเวลส์และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บรรทุกน้ำหนักรวมได้ 250 กิโลกรัม เครื่องต้นแบบนี้ได้ปูทางไปสู่ต้นแบบการขนส่งผู้โดยสาร ซึ่งจากเดิมบริษัทหวังว่าจะเปิดตัวในปี 2020 แต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ทำให้ต้องเลื่อนออกไปก่อน แต่นี่ก็เป็นอีกข้อยืนยันว่ายานยนต์บินได้ไม่ใช่เรื่องอนาคตที่ไกลเกินจริง
Volocopter
บริษัทการบินสัญชาติเยอรมัน Volocopter ได้ทำการทดสอบแท็กซี่ไฟฟ้าบินได้สองที่นั่งซึ่งสร้างขึ้นเพื่อบรรทุกนักบินและผู้โดยสารอีกหนึ่งคน เที่ยวบินทดสอบในเมืองครั้งแรกของโดรนโดยสารไฟฟ้า 2X eVTOL ซึ่งเป็นเรือธงของ Volocopter มีขึ้นในสิงคโปร์ในปี 2019 ด้วยระยะทาง 35 กิโลเมตรสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 108 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
Volocopter ยังเปิดตัว VoloPort ซึ่งเป็น “สถานีแท็กซี่บินได้” ที่แรกของโลกอันจะเห็นได้ชัดว่า Volocopter ตั้งเป้าไปที่ตลาดการขนส่งระยะสั้นเหนือถนนในเมืองที่พลุกพล่านและแออัดมากกว่าการเดินทางระหว่างเมือง Volocopter กำลังพยายามทำให้แท็กซี่บินได้เป็นทางออกในชีวิตประจำวันในเมืองที่พลุกพล่านการจราจรบนถนนแสนคับคั่งและคาดว่าจะเริ่มเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ในปี 2565
Lilium
บริษัท Start-up สัญชาติเยอรมันซึ่งได้มีการทดสอบ Lilium Jet โดรนโดยสารขนาด 5 ที่นั่ง สามารถบินทำความเร็วสูงสุด 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงครอบคลุมระยะทาง 300 กิโลเมตร ทำให้ Lilium ถูกจับตาว่าจะเป็นอากาศยานที่สามารถรองรับการเดินทางระหว่างเมืองที่รวดเร็ว และคาดว่าจะเปิดให้บริการผู้โดยสารในหลายพื้นที่ทั่วโลกภายในปี 2568
Uber
แน่นอนว่าหากจะมีบริการรถแท็กซี่บินได้จริง Uber จะพลาดไปได้อย่างไร ซึ่งแน่นอนว่าที่ผ่านมา Uber กำลังเตรียมให้บริการแท็กซี่บินได้ในสหรัฐอเมริกา โดยมีแผนจะเปิดให้บริการนำร่องภายในปี 2566 และคาดว่าจะมีการนำไปใช้ทั่วโลกในปี 2573 แถมยังเคลมด้วยว่าจะเปิดตัวบริการแท็กซี่บินได้ในเมืองที่รวดเร็ว เชื่อถือได้ สะอาดและราคาไม่แพงด้วย
Sky Dive
บริษัท Start-up จากญี่ปุ่นอีกหนึ่งรายกับยานบินส่วนบุคคล SD-03 ซึ่งเป็นอากาศยานขึ้น-ลงแนวดิ่งใช้ไฟฟ้า (eVTOL) แบบที่นั่งเดี่ยวที่มีขนาดเล็กที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยเจ้า SD-03 นี้มีขนาดกว้าง 4 เมตร ยาว 4 เมตร สูง 2 เมตรหรือใช้พื้นที่จอดประมาณ 2 ช่องที่จอดรถเท่านั้น SD-03 ยังมาพร้อมกับไฟสัญญาณบอกทิศทางการบินสำหรับคนเดินถนนได้สังเกตว่าเจ้า SD-03 กำลังบินไปทางไหน (สีขาวคือกำลังบินไปข้างหน้า ถ้าสีแดงกำลังบินถอยหลัง)
หลังจากการเปิดตัว Sky Dive มีแผนการบินทดสอบในสถาวะต่าง ๆ อีกหลายการทดสอบเพื่อให้มั่นใจได้ว่า SD-03 มีความปลอดภัยเพียงพอตามกฎความปลอดภัยการบินก่อนเปิดขายอย่างเป็นทางการ
จากที่รวบรวมมาข้างต้นนี้ยังไม่ใช่ทั้งหมด ยังมีอีกหลายกิจการที่กำลังซุ่มพัฒนาอากาศยานส่วนบุคคลรูปแบบอื่นอีก อย่างเช่น AirCar รถบินได้จาก Klein Vision ซึ่งเพิ่งมีการบินทดสอบระหว่างเมืองในประเทศสโลวาเกียมาเมื่อเดือนที่แล้ว
ย้อนกลับมาดูอากาศยานประเภทโดรนนั้นมีแนวโน้มที่จะถูกนำมาใช้งานเป็นยานบินส่วนบุคคลหรือนำมาใช้ในการรับ-ส่งผู้โดยสารระหว่างเมืองหรือในเมืองที่การจราจรคับคั่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าแล้ว
แต่การที่ยานบินส่วนบุคคลเหล่านี้จะได้รับอนุญาตให้บริการหรือทำการบินได้อย่างอิสระหรือไม่นั้นยังคงเป็นเรื่องที่ต้องดูกันต่อไป น่าจะต้องมีกฎระเบียบและการควบคุมการใช้งานที่ต้องพิจารณากันอย่างละเอียดรอบคอบอีกมาก ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานกำกับด้านพลเรือนอย่างสถาบันการบินพลเรือนก็คงต้องมีเรื่องให้คิด ให้ปวดหัวกันไม่น้อยก่อนที่เราจะได้เห็นแท็กซี่บินได้ออกบินให้บริการในอนาคต
ไม่ใช่แค่ “โดรนสำหรับโดยสาร” แต่โดรนยังคงเป็นอากาศยานที่มีศักยภาพอื่นอีกมาก
โดรนนั้นไม่ใช่แค่กำลังจะมามีบทบาทในการเป็นยานบินส่วนบุคคลหรืออากาศยานสำหรับโดยสารในเมืองหรือระหว่างเมืองเท่านั้น แต่ในอนาคตโดรนนั้นยังมีศักยภาพการใช้งานได้อีกหลากหลาย อาทิเช่น การใช้โดรนบินแจ้งเตือนภัยพิบัติ ซึ่งก็ได้มีการทดสอบการใช้งานเตือนภัยสึนามิไปแล้วที่เมืองเซนไดในประเทศญี่ปุ่น
แม้แต่การใช้งานสำรวจกู้ภัย อย่างเช่นกรณีที่มีการนำโดรนบินสำรวจเพื่อหาตำแหน่งวาล์วในโรงงานพลาสติกที่ระเบิดย่านกิ่งแก้วเมื่อไม่นานมานี้จนสามารถช่วยให้เจ้าหน้าที่เข้าระงับเหตุเพลิงไหม้ได้ในที่สุด
หรืองานลาดตระเวนรักษาความปลอดภัย และอีกหนึ่งแนวทางการใช้งานโดรนที่น่าจะเป็นที่แพร่หลายกันในอนาคตก็คือการใช้งานโดรนในงานโลจิสติกส์หรือโดรนเพื่อการขนส่งสินค้านั่นเอง
ปัจจุบันหลายกิจการทั้ง Amazon, Alibaba หรือแม้แต่ 7-11 เองก็มีแนวคิดการนำโดรนมาใช้ส่งสินค้า ถึงแม้กว่าการใช้โดรนเพื่อส่งสินค้าถึงมือลูกค้าตามบ้านอาจจะยังเป็นเรื่องไกลตัว แต่การนำโดรนมาใช้ส่งสินค้าไปยังพื้นที่ทุรกันดาร ห่างไกลเข้าถึงได้ยากหรือพื้นที่ประสบภัยพิบัติที่เส้นทางถนนถูกตัดขาดนั้นมีความเป็นไปได้และมีประโยชน์อย่างมาก
และในอนาคตโดรนขนาดใหญ่ที่บรรทุกสินค้าได้ในปริมาณมากที่สามารถบินทำความเร็วสูงได้นั้นจะมีบทบาทอย่างมากในการขนส่งสินค้าระหว่างศูนย์กระจายสินค้า ลองจินตนาการว่าในอนาคตที่มีโดรนขนสินค้าของ Kerry หรือ Flash บินส่งของระหว่างศูนย์กระจายพัสดุในแต่ละภูมิภาคนั้นจะทำให้การขนส่งสินค้าทำได้รวดเร็วมากขึ้นขนาดไหน การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์แล้วการันตีได้รับสินค้าภายใน 3 ชั่วโมงทั่วไทยคงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป
ทั้งนี้อากาศยานแห่งอนาคตนั้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่โดรนเท่านั้น อย่างเครื่องบินในปัจจุบันก็ยังมีพัฒนาการอยู่อย่างต่อเนื่อง จะมีอะไรกันบ้างนั้นเรามาดูกัน
การกลับมาของเครื่องบินโดยสารความเร็วเหนือเสียง
23 กรกฏาคม 2543 เป็นเวลากว่า 20 ปีของอุบัติเหตุช็อคโลกที่เกิดขึ้นกับสายการบินแอร์ฟรานซ์เที่ยวบิน 4590 ซึ่งเดินทางจากปารีสไปนิวยอร์กด้วยเครื่องบินคองคอร์ดที่ได้ประสบอุบัติเหตุตกหลังจากเพิ่งทะยานขึ้นจากสนามบินและได้คร่าชีวิตผู้โดยสารลูกเรือและคนที่อยู่ในโรงแรมที่เครื่องบินคองคอร์ดตกใส่รวม 113 ชีวิต เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ปิดฉากเครื่องบินคองคอร์ดให้เหลือไว้เพียงประวัติศาสตร์ว่าครั้งหนึ่งโลกเราเคยมีเครื่องบินโดยสารความเร็วเหนือเสียงบินให้บริการ
แต่ความฝันและความต้องการในการเดินทางด้วยความเร็วสูงเพื่อข้ามไปยังอีกซีกโลกโดยไม่ต้องต่อเครื่อง 2-3 ต่อใช้เวลาเป็นวันนั้นก็ยังคงไม่สูญหายไปพร้อมกับการยุติการบินของเครื่องคองคอร์ด วันนี้ยังมีหลายกิจการที่มุ่งพัฒนาเครื่องบินโดยสารความเร็วเหนือเสียงที่จะมาเป็นทายาทสานต่อความฝันของเจ้าคองคอร์ดนี้
ทั้งนี้หนึ่งในปัญหาใหญ่ของเครื่องบินโดยสารความเร็วเหนือเสียงนั้นก็คือประเด็นเรื่องเสียงรบกวนอันเกิดจากกรวยคลื่นเสียงที่เกิดขึ้นเวลาที่ทำการบินด้วยความเร็วเหนือเสียง ทำให้เครื่องบินเหล่านี้ต้องใช้เส้นทางบินที่เลี่ยงการบินผ่านเมืองและต้องทำการบินที่เพดานบินสูงกว่าเครื่องบินโดยสารปกติทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและส่งผลต่อราคาค่าโดยสารไปด้วย
ซึ่งทาง NASA เองก็ได้มีแผนพัฒนาเครื่องบินต้นแบบ X-59 Quiet SuperSonic Technology (QueSST) เพื่อการศึกษาและเป็นต้นแบบในการออกแบบเครื่องบินไอพ่นความเร็วสูงที่สามารถทำการบินด้วยความเร็วเหนือเสียงที่สร้างเสียงรบกวนต่ำ
และเมื่อปีที่แล้ว Boom บริษัท Startup ด้านการบินและอวกาศซึ่งเริ่มกิจการมาตั้งแต่ปี 2014 ก็ได้เริ่มทำการบินเครื่องบินทดสอบสำหรับการบินด้วยความเร็วเหนือเสียงของตน ซึ่งข้อมูลจากการบินทดสอบก็จะถูกนำมาพัฒนาการออกแบบ Overtrue เครื่องบินโดยสารความเร็วเหนือเสียงที่ Boom มีแผนพัฒนาให้เป็นเครื่องบินโดยสารเชิงพาณิชย์ต่อไป
โดยในปี 2017 สายการบิน Japan Airline ก็ได้ร่วมลงทุนใน Boom กว่า 300 ล้านบาท และได้สั่งจองเครื่องบินโดยสารล่วงหน้ากว่า 20 ลำ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มส่งมอบและบินให้บริการแก่ผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางอย่างรวดเร็วได้ภายในปี 2030
สำหรับ Overtrue นั้นจะสามารถบินด้วยความเร็วสูงสุดถึง 2,300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เร็วกว่าเครื่องบินโดยสารไอพ่นในปัจจุบันประมาณ 2.4 เท่า
เครื่องบินไฟฟ้า
ยุคนี้อะไรก็ต้องไฟฟ้า รถไฟฟ้า เรือไฟฟ้า ไม่เว้นแม้แต่เครื่องบินก็ยังต้องเป็นเครื่องบินไฟฟ้า ซึ่งพวกโดรนที่กล่าวถึงข้างต้นนั้นก็เป็นอากาศยานที่ใช้ไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงานในการขับเคลื่อนเช่นเดียวกัน แต่สำหรับเครื่องบินนั้นจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน?
ปัจจุบันมีความพยายามพัฒนาให้อุตสาหกรรมการบินนั้นรักษ์โลกมากขึ้น เพราะการบินนั้นเป็นสาเหตุหลักหนึ่งของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ ทำให้หลายกิจการรวมถึงสายการบินต่างก็ถูกแรงกดดันให้ต้องหันมาปรับปรุงประสิทธิภาพในการบินเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และหนึ่งในแนวทางนั้นก็คือการพัฒนาเครื่องบินที่ใช้ไฟฟ้าแทนการใช้น้ำมันในการบินนั่นเอง
หนึ่งในกิจการที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีในการเปลี่ยนเครื่องบินที่มีอยู่ในปัจจุบันให้กลายเป็นเครื่องบินไฟฟ้าได้แก่ ZeroAvia บริษัทสัญชาติอเมริกัน
โดย ZeroAvia จะทำการดัดแปลงเอามอเตอร์มาใช้สำหรับหมุนใบพัดแทนเครื่องยนต์ซึ่งใช้พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จากเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน (Hydrogen Fuel Cell) ด้วยการทำปฏิกิริยาระหว่างไฮโดรเจนและออกซิเจนได้เป็นไฟฟ้าและน้ำ นั่นก็คือเครื่องบินลำนี้จะใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงและไม่มีการปล่อยมลพิษเลยเพราะสิ่งที่ได้ออกมาจากกระบวนการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์เชื้อเพลิงนั้นมีเพียงแค่น้ำเท่านั้น
ZeroAvia นั้นมีแผนที่จะบินให้บริการเชิงพาณิชย์ด้วยเครื่องบินไฟฟ้าปลอดมลพิษภายในปี 2024
อีกหนึ่งกิจการที่กำลังพัฒนาเครื่องบินไฟฟ้าของตนก็ได้แก่ Rolls-Royce ซึ่งกำลังพัฒนาเครื่องบินใบพัดที่ใช้ไฟฟ้าซึ่งสามารถบินทำความเร็วสูงถึง 480 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
และล่าสุด DHL Express ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าระดับโลกก็ได้เปิดตัว Alice เครื่องบินขนส่งสินค้าด้วยไฟฟ้าล้วนสำหรับขนส่งสินค้าระหว่างเมืองโดยปราศจากการปล่อยมลพิษ ซึ่งจะเริ่มใช้งานภายในปี 2024 นี้
โดย Alice นี้เป็นเครื่องบินขนส่งขนาดเล็กบรรทุกสินค้าน้ำหนักรวมได้ 1.2 ตัน มีระยะการบิน 800 กิโลเมตร สามารถบินทำความเร็วสูงสุดได้ 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถชาร์จไฟได้เต็มพร้อมบินภายใน 30 นาทีและสามารถทำการชาร์จไฟขณะขนสินค้าขึ้น-ลงเครื่องได้เพื่อลดเวลาการรอคอยทำให้สามารถขนส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเทียบเท่าเครื่องบินใช้น้ำมัน
ทั้งนี้เครื่องบินไฟฟ้าในปัจจุบันยังมีข้อจำกัดว่าใช้ได้กับเครื่องบินใบพัดเท่านั้นซึ่งจะมีความเร็วต่ำกว่าเครื่องบินไอพ่น แต่ก็ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจมีการพัฒนาเครื่องบินไอพ่นที่ใช้ไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงานสำเร็จก็เป็นได้
****************************************************************************************************************************
และนี่ก็คืออัปเดตโลกติดปีกที่ทีมงานนำมาฝาก ในอนาคตอีกไม่กี่ปีนี้เราก็คงจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมการบิน ยานบินส่วนบุคคลและฝูงโดรนที่บินกันขวักไขว่ ไม่แน่ว่าวันข้างหน้าเมื่อเราเงยหน้ามองฟ้าอาจจะได้เห็นฝูงโดรนแทนฝูงนกก็เป็นได้
อ้างอิง
https://www.blockdit.com/posts/60f2833c60d6bb0c8db85433
https://interestingengineering.com/nasas-quiet-supersonic-x-59-jet-approaches-first-flight
https://www.airbus.com/innovation/zero-emission/urban-air-mobility/cityairbus.html
https://interestingengineering.com/nasas-quiet-supersonic-x-59-jet-approaches-first-flight