ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วค่ะ ว่ายุคนี้เทคโนโลยีพาเราเข้าถึงเกือบจะทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว โดยเฉพาะสาวๆ ที่ขาดเครื่องสำอางไม่ได้
วันนี้เราขอพูดถึง ตู้กดเครื่องสำอางที่เอาใจสาวๆ ยุค 4.0 ที่ต้องบอกว่ามันคือสิ่งที่กำลังเข้ามาตอบโจทย์เราเป็นอย่างมาก ต่อไปถ้าออกจากบ้าน ลืมกระเป๋าเครื่องสำอาง ลืมแต่งหน้า ลืมเขียนคิ้ว ลืมทาปาก ลืมสวยออก ไม่ต้องกลัวแล้วค่ะ เพราะตู้กดสำอางจากแบรนด์ beWild จะตามคุณไปอยู่ทุกที่ไม่ว่าจะเป็น BTS หรือห้างดังย่านที่ผู้คนพลุกพล่าน ด้วยราคาสบายกระเป๋าเพียง 49 บาท
49 บาท!!! ฟังไม่ผิดค่ะ ถ้าใครเคยเห็นยุคนี้เครื่องสำอางสไตล์มินิมอลมาแรงส่ะเหลือเกิน เน้นพกพาง่าย ไม่หนักกระเป๋า แต่ใช้ได้ในคุณภาพที่เทียบเท่าเค้าเตอร์แบรนด์ โดยสินค้าในตู้กดเครื่องสำอางตู้นี้ครอบคลุมตั้งแต่ บีบีครีม ซีซีครีม อายแชโดว มาสคาร่า ลิปสติก และที่มาร์กใต้ตา มาในลักษณะแบบซองที่สะดวกต่อการใช้งานและการพกพา
แต่ถ้าเกิดคำถามที่ว่า พกออกจากบ้านเองไม่ง่ายกว่าหรอ?
อันนี้เป็นคำถามที่น่าสนใจมากจริงๆ ค่ะ แต่สำหรับตู้กดสำอางตู้นี้เป็นการต่อยอดธุรกิจเครื่องสำอางเดิมที่เขามุ่งหวังว่าจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งาน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ห่างใกล้ร้านขายเครื่องสำอางนั่นแหละ ซึ่งเจ้าตู้นี้จะมอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งานที่ผ่านไปมา ไม่ว่าจะลืมเครื่องสำอางไว้ที่บ้าน หรือ ต้องไปงานด่วนแล้วอยากได้เครื่องสำอางแบบทันใจ ก็สามารถแวะไปได้ในจุดที่ใกล้ๆ
และสินค้าในตู้นี้เป็นประเภทซองค่ะ เหมาะสำหรับงานใช้งานทุกรูปแบบ และก็ไม่ธรรมดา เพราะสามารถใช้งานได้เทียบเท่ากับเครื่องสำอางทั่วไป เพราะสินค้าทุกชิ้นมีตัวล็อค สามารถใช้งานได้มากกว่าถึง 60 ครั้ง/ซอง และหลังการเปิดใช้ครั้งแรกสามารถใช้ได้ถึง 6 เดือนเลยทีเดียว นานเหมือนกันนะเนี่ย…
แต่ถ้าชั่วโมงเร่งด่วน ไม่มีเงินในกระเป๋า หรือ ลืมพกเงินสด!!
ปัญหานี้จะหมดไปค่ะ เนื่องด้วยยุค Cashless society กำลังมา มีหรือที่ตู้นี้จะไม่รองรับการจ่ายเงินแบบ QR Code
เจ้าตู้กดเครื่องสำอางตู้นี้ รองรับการจ่ายเงินทั้งในรูปแบบ QR Code และเงินสดเลยค่ะ แต่สำหรับการชำระเงินแบบเงินสดอาจจะยังไม่เสถียรมากนักเท่าไหร่นะคะ โดยเฉพาะเรื่องการทอนเงิน ตัวนี้ต้องรอติดตามการพัฒนาจากแบรนด์อีกที
นอกจากนี้การจ่ายเงินผ่านแอพพลิเคชันอย่าง Alipay หรือ Wechat ก็มีด้วยเช่นกัน แต่จะมีอยู่ในบางพื้นที่เท่านั้น อย่างเช่น พื้นที่ ที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นจำนวนมาก เป็นต้น
ขั้นตอนการซื้อเครื่องสำอางจากตู้กดเครื่องสำอางนี้ ง่ายมากๆ เลยค่ะ
1 เดินไปที่หน้าตู้ เลือกเครื่องสำอางที่เราต้องการ ในขั้นตอนนี้อาจจะต้องดูก่อนนะคะ ว่าสินค้าที่เราต้องการนั้นเป็นหมายเลขอะไร เพื่อไปกดเลือกสินค้าในหน้าจอทัชสกรีน
2 กดเลือกสินค้าใส่ตระกร้า โดยการเลือกสินค้าใส่ตระกร้าของตู้นี้จะมีความพิเศษตรงที่ เราสามารถเลือกสินค้าหลายๆ ชิ้นไว้ในตระกร้าเดียวกันได้เลยก่อนที่จะตัดสินใจชำระเงินครั้งเดียว
3 หลังจากเลือกสินค้าแล้ว ให้กดตรงที่ชำระlสินค้าแล้วหน้าชำระเงินจะขึ้นรายละเอียดสินค้าที่เราเลือกว่ามีกี่ชิ้น แล้วรวมทั้งหมดที่เรากดราคาเท่าไหร่ เช่น เลือกมา 3 ชิ้น สินค้ารวมที่ 49+49+49 = 149 บาทเป็นต้น หมายเหตุตรงนี้เมื่อเรากดชำระสินค้าแล้วต้องดูเวลาที่เขากำหนดให้ดีๆ นะคะ เพราะตัวเครื่องจะกำหนดเวลาในการชำระเงินของเราที่ 120 วินาที หรือ 2 นาที จะเลือกชำระแบบเงินสด หรือ QRCode ก็ได้จ้า
4 เมื่อเสร็จสิ้นการชำระเงินแล้ว หน้าของตู้จะขึ้นเตือนว่าสินค้าที่คุณสั่งกำลังมา เพียงเท่านี้ก็เสร็จสิ้นขั้นตอนของการซื้อเครื่องสำอางจากตู้กดเครื่องสำอางแล้วค่ะ
เป็นยังไงบ้างคะ ขั้นตอนการซื้อเครื่องสำอางจากตู้กดเครื่องสำอาง ง่ายมากๆ เลยใช่ไหมละ
สรุปเรื่องจุดเด่นต้องบอกว่าดีไซน์สีสันภายนอกของตัวตู้นี้ดึงดูดสายตาสาวๆ อย่างแน่นอน ถ้าไม่กดซื้อแรกๆ ก็ต้องเดินมากดถ่ายรูปแหละ เรื่องการชำระเงินยุคนี้ก็หายห่วงได้ เพราะจ่ายผ่าน QRcode ได้แล้ว หรือจะเงินสดก็ตามสะดวก แต่ถ้าเรื่องความครบครันของสินค้าก็อาจจะยังไม่ตอบโจทย์สำหรับใครหลายๆ คนก็เป็นได้ แต่ในที่นี้ อาจจะตอบโจทย์ได้ในวันที่เร่งด่วนสุดๆ
มาถึงตรงนี้แล้วก็คงอยากรู้ว่าเขาจะวาง ตั้งตู้ในจุดไหนยังไงบ้างใช่ไหมล่ะ!
สำหรับตู้กดเครื่องสำอางตู้นี้จะเริ่มวางตามจุดต่างๆ อาทิ BTS 6 สถานี 1. BTS แบริ่ง 2. BTS สยาม 3. BTS ศาลาแดง 4. BTS พญาไท 5. BTS ทองหล่อ 6. BTS อารีย์ และ ห้าง Century อนุสาวรีย์ , Samyan Mittown โดยจะเริ่มอย่างเป็นทางการช่วงต้นเดือนพ.ย. นี้
จะตอบโจทย์หรือไม่ตอบโจทย์สาวๆ ยุคนี้ต้องตัดสินใจกันเองแล้วแหละ ยังไงก็อดใจรอกันสักนิดกับตู้กดเครื่องสำอางจากแบรนด์ beWild ที่จะวางตามจุดต่างๆ ว่าแต่จะได้รับเสียงตอบรับจากสังคมมากน้อยแค่ไหน หรือจริงๆ แล้วการใช้เครื่องสำอางแบบมินิมอลจะเหมาะกับชีวิตคนเมืองเท่านั้น ที่จริงๆ แล้วกลุ่มคนเหล่านี้สามารถเข้าถึงร้านขายเครื่องสำอางทั่วไปได้อยู่แล้ว
หรือนี่จะเป็นสิ่งที่เข้ามาเพื่อเป็นทางเลือกให้กับคนเมืองยุคใหม่ ด้วยการใช้นวัตกรรม Vending Machine เพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนเมือง ต้องรอลุ้นว่าจะดัง จะปัง แค่ไหน …