ตอนนี้เริ่มมีการถกเถียงกันทั่วโลกมากขึ้นว่าบุหรี่ไฟฟ้านั้นมีอันตรายมากน้อยแค่ไหน เพราะตอนนี้มีงานวิจัยใหม่ๆออกมาชี้ถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น
บุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่ไม่อยากสูบบุหรี่จริง ซึ่งหลายคนอาจจะมีเป้าหมายที่ต่างกันบางคนอาจจะใช้ทดแทนบุหรี่จริงเพราะคิดว่ามีอันตรายน้อยกว่า บางคนใช้เป็นตัวช่วยเพื่อเลิกบุหรี่ แต่ผลการศึกษาจาก UC San Francisco เป็นเวลา 3 ปีจากการติดตามกลุ่มตัวอย่าง 32,000 คนตั้งแต่ปี 2013 – 2016 แสดงให้เห็นว่าบุหรี่ไฟฟ้านั้นมีความเชื่อมโยงกับการเกิดโรคปอดอย่างเช่น โรคหืด (asthma), โรคหลอดลมอักเสบ (bronchitis), โรคถุงลมโป่งพอง (emphysema) และมีความเสี่ยงต่อโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
งานวิจัยฉบับนี้ทำขึ้นเพื่อศึกษาผลระยะยาวของบุหรี่ไฟฟ้าเนื่องจากปัจจุบันนี้มีคนหันมาใช้งานมากขึ้น ทางผู้วิจัยได้กล่าวว่า “เรื่องน่าแปลกที่เราค้นพบเกี่ยวกับผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้า คือ มีแนวโน้มความเสี่ยงเป็นโรคปอดเพิ่มขึ้น 29% หรือประมาณ 1.3 เท่าเมื่อเทียบกับคนที่ไม่เคยสูบบุหรี่จริงและบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งการศึกษานี้มีการควบคุมกลุ่มตัวอย่างทั้งในเรื่องปริมาณบุหรี่และข้อมูลภูมิประชากรศาสตร์ ผลการวิจัยสรุปได้ว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายในตัวเอง”
นอกจากนั้นความเสี่ยงที่จะเกิดโรคปอดจะสูงขึ้นเป็น 2.6 เท่าโดยเฉพาะคนที่สูบบุหรี่จริงและบุหรี่ไฟฟ้าผสมกันเมื่อเทียบกับคนที่สูบแค่ชนิดใดชนิดหนึ่ง นั่นหมายความว่าการสูบสองวิธีร่วมกันนั้นทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้มากกว่า
ทางผู้ผลิตมักจะทำการตลาดว่า เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยลดการสูบบุหรี่จริง ทำให้หลายคนที่อยากเลิกบุหรี่ เปลี่ยนหันมาใช้บุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น แต่พวกเค้าก็ยังมีความเสี่ยงในการเกิดโรคปอดอยู่ดี หากสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำ
นอกจากนั้นยังมีงานวิจัยใหม่ๆออกมา บอกถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น ใครที่ใช้งานบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ก็ควรศึกษาผลกระทบต่อสุขภาพตัวเองให้ดีนะ
ปล.ตอนนี้เนื้อหาในงานวิจัยไม่สามารถกดเข้าไปดูได้ American Journal of Preventive Medicine