เลขาคณะผู้เชี่ยวชาญของ UN ของลิเบียได้รายงานการค้นพบโดรนทหารถูกใช้ไล่โจมตีมนุษย์แบบอัตโนมัติเป็นครั้งแรก

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ลิเบียในเดือนมีนาคมปีที่แล้ว เนื่องจากเหตุการณ์ผ่านมานานกว่า 1 ปีจึงยังไม่มีใครทราบสาเหตุของการโจมติในครั้งนี้

โดรนที่ถูกนำมาใช้เป็นอาวุธไล่ล่าคือ KARGU-2 โดรนแบบ 8 ใบพัด ใช้จู่โจมกลุ่มต่อต้าน (กองทัพลิเบียแห่งชาติ) ระหว่างการปะทะกับทหารของฝั่งรัฐบาล โดรนลำนี้ถูกใช้เพื่อจู่โจมผู้ก่อการร้าย มีการติดตั้งระเบิดเอาไว้ สามารถระบุเป้าหมายก่อนที่จะพุ่งชนระเบิตตัวเอง ที่สำคัญคือ มันไม่จำเป็นต้องอาศัยการเชื่อมต่อข้อมูลกับผู้บังคับ โดยมันถูกป้องคำสั่ง ยิง ลืม ค้นหาเป้าหมายรายใหม่โดยที่คนไม่ต้องสั่ง

ทาง Zak Kellenborn ที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบไร้คนขับและโดรนเชื่อว่า นี่คือโดรนสังหารลำแรกที่ออกไล่ล่ามนุษย์ ทำให้เขาเป็นกังวลและห่วงว่า ในอนาคตจะมีการนำโดรนประเภทนี้มาใช้งานมากขึ้น รวมถึงตั้งคำถามว่าหากมีการระบุเป้าหมายผิดคนจะทำให้เกิดปัญหาตามมา

ฟากของ Jack Watling กองกำลังป้องกันประเทศแห่งสหราชอาณาจักรแสดงความเห็นด้วยกับ Kellenborn ว่าประเด็นนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะเทคโนโลยีพัฒนาได้ไว ไม่เคยรอเรา ซึ่งเขาก็มองว่าโดรนสังหารแบบนี้ยากที่จะควบคุม

ฝั่งของ Human Rights Watch เรียกโดรนลำนี้ว่า  หุ่นยนต์นักฆ่า (killer robot) ควรที่ทุกประเทศต้องออกมาแบนห้าม พัฒนา ผลิตและใช้งานเป็นเครื่องมือสังหารอัตโนมัติ เพราะมันละเมิดกฎหมายพื้นฐานความเป็นมนุษย์

ที่มา BI