หลังจากเว้นช่วงไป 3 ปีในที่สุดทางหัวเว่ยได้เปิดตัวนาฬิกาอัจฉริยะรุ่นใหม่ Huawei Watch 3 / 3 Pro ซึ่งเป็นรุ่นแรกที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ HarmonyOS ดีไซน์สวย แบตอึด ครบเครื่องเรื่องการใช้งานและดูแลสุขภาพ
Huawei Watch 3
ตัวเรือนผลิตจากสแตนเลส 316L ที่มีความแข็งแรงทนทานสูง รวมถึงขัดเงาเพิ่มความหรูหรา ยังคงดีไซน์หน้าปัดทรงกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 46.2 มิลลิเมตร หนา 12.15 มิลิเมตร เมื่อไม่ได้ใส่สายน้ำหนักจะอยู่ที่ 54g หน้าจอเป็นจอ AMOLED ขนาด 1.43 นิ้ว รีเฟรชเรท 60 Hz ความสว่าง 1,000 นิทเรียกว่าใช้งานในที่แสงจ้าได้สบายๆ
การใช้งานหายห่วงมาพร้อมคุณสมบัติกันน้ำสูงสุดที่ 5 ATM สำหรับใส่ออกกำลังกายได้สบายๆ รุ่นนี้มาพร้อมเม็ดมะยมใหม่แบบ 3D แทนปุ่มกดแบบเดิม ซึ่งเราสามารถกดหรือหมุนสั่งงานนาฬิกาได้ง่ายขึ้น นอกจากนั้นสายยังมีหลายดีไซน์ให้เลือกใช้เช่น สายซิลิโคน สายหนัง สายโลหะ และสาย Milanese
ทางหัวเว่ยยังใส่ eSim รองรับการเชื่อมต่อ 4G ทำงานได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งสมาร์ตโฟน ทั้งการโทรออกรับสาย ดูหุ้น ดูรายงานสภาพอากาศ เล่นเพลงสตรีมมิ่ง ทำทาง แปลภาษา รองรับการจ่ายเงิน Huawei Pay รวมถึงเพิ่มบัตรเครดิตเข้าไปได้ด้วย ที่สำคัญสามารถโหลดแอปจาก AppGallery ได้ตามต้องการ
ในส่วนของการติดตามสุขภาพและออกกำลังกายถือว่าให้มาครบทั้งการวัดการเต้นของหัวใจ วัดระดับออกซิเจนในเลือด ตรวจจับการนอน ส่วนของใหม่ที่เพิ่มเข้ามาคือเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิร่างกายที่ผิวหนัง รวมถึงการตรวจจับการล้มพร้อมโทรออกไปขอความช่วยเหบือกับเบอรฺฉุกเฉินที่ตั้งไว้ ฟากของการออกกำลังกายรองรับการออกกำลังกายมากกว่า 100 โหมด ครอบคลุมทั้งอินดอร์และเอาท์ดอร์
การมาของ HarmonyOS จะช่วยยกระดับการทำงานของ Huawei Watch 3 มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการทำวิดีโอคอลที่ยืดหยุ่นขึ้น ส่งต่อไปยังมือถือ/แท็บเล็ต/ทีวีได้อย่างง่ายดาย, ใช้ควบคุมอุปกรณ์ต่างๆในบ้าน, ใช้เป็นกุญแจบ้าน/กุญแจรถยนต์ เป็นต้น
ส่วนแบตเตอรี่นั้น หากเราใช้งาน Smart Mode จะอยู่ได้ 4 วันต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ถ้าเป็นโหมดประหยัดแบตเตอรี่จะใช้งานได้ 14 วัน สำหรับคนที่สนใจนั้นเปิดจองแล้ววันนี้ โดยจะขายจริง 11 มิถุนายนนี้ ราคาเริ่มต้นที่ 2,600 หยวน (12,600 บาท) ส่วนสายนาฬิการาคาจะเริ่มต้นที่ 200 หยวน (975 บาท)
Huawei Watch 3 Pro
เป็นรุ่นที่ใช้วัสดุแบบพรีเมียมขึ้น เริ่มด้วยกระจกกระแซฟไฟร์ที่แข็งแรงทนต่อการขีดข่วน ตัวเรือนเป็นไทเทเนียมและฝาหลังเป็นเซรามิก ตัว GPS ที่ให้มานั้นจะเป็นแบบ dual-band GPS ทำให้การจับพิกัดแม่นยำมากขึ้นกว่ารุ่นธรรมดา รวมถึงแบตเตอรี่อึดขึ้น ใช้งานในโหมดปกติจะใช้งานได้ 7 วัน ส่วนโหมด Ultra long battery จะใช้ได้นานถึง 21 วัน
ส่วนราคาขายก็จะขยับขึ้นไปเป็น 3,300 หยวนหรือประมาณ 16,100 บาท