ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ของบ้านเราในปัจจุบันที่ได้มาถึงจุดที่ความสามารถของระบบสาธารณะสุขในบางพื้นที่เริ่มไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วยที่ถาโถมเข้ามาในระบบ จึงทำให้ต้องเริ่มมีการนำมาตรการที่ให้ผู้ป่วยที่ตรวจพบเชื้อแบบไม่มีอาการนั้นให้สามารถทำการรักษาตัวอยู่บ้านหรือ Home Isolation ได้
การทำ Home Isolation คืออะไร
Home Isolation ก็คือการแยกรักษาตัวที่บ้าน ซึ่งผู้ป่วยโควิด-19 จะเริ่มแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ก่อนมีอาการประมาณ 2-3 วัน ผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการน้อยหรืออาการดีขึ้นแล้วอาจจะยังมีเชื้อไวรัสที่ยังแพร่ไปสู่ผู้อื่นอยู่ในน้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วยเป็นระยะเวลาประมาณ 10 วันหลังจากเริ่มป่วย ดังนั้นผู้ป่วยโควิด-19 ที่ไม่ได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจึงจำเป็นต้องแยกตัวเองจากผู้อื่นขณะอยู่ที่บ้านเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วันนับตั้งแต่วันที่เริ่มป่วย หากครบ 14 วันแล้วยังมีอาการควรแยกตัวจนกว่าอาการจะหายและควรให้อาการหายดีไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง เพื่อลดการแพร่เชื้อให้ผู้อื่น
ซึ่งบางคนอาจจะอยากเลือก Home Isolation มากกว่าไปโรงพยาบาล เพราะก็ยังได้อยู่บ้านที่คุ้นเคยอยู่กับคนในครอบครัวแม้ว่าอาจจะต้องแยกกันอยู่มีความอึดอัดอยู่บ้าง รวมถึงไม่ต้องไปนอนอยู่เหงา ๆ กับคนไม่รู้จักที่โรงพยาบาลสนาม แต่ก็อาจมีหลายคนที่อยากได้เตียงที่โรงพยาบาลมากกว่าเพราะอุ่นใจใกล้มือหมอ ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าอาการไม่หนักมากก็เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากไปนอนโรงพยาบาล
ใครบ้างที่ต้องกักตัวแบบ Home Isolation
- ผู้ป่วยรอเตียงเข้าโรงพยาบาล และแพทย์ลงความเห็นว่าสามารถดูแลรักษาตัวที่บ้านได้
- ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีอาการดีขึ้นแล้วและหมอให้กลับบ้านได้ ซึ่งในกลุ่มนี้อาจจะยังมีเชื้อไวรัสที่สามารถแพร่ไปสู่ผู้อื่นอยู่ เป็นผู้ป่วยที่เคยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลหรือสถานที่รัฐจัดให้แล้วอย่างน้อย 10 วัน และถูกส่งกลับบ้านเพื่อรักษาต่อเนื่องที่บ้านโดยวิธี Home Isolation
ทั้งนี้ตามประกาศของกรมการแพทย์ซึ่งได้ออกมาให้คำแนะนำผู้ป่วย และให้คำแนะนำการจัดบริการผู้ป่วย โควิด-19 แบบ Home Isolation ฉบับวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 ระบุว่าผู้ป่วยโควิด-19 ที่เข้าเกณฑ์ Home Isolation มีดังนี้
- ต้องเป็นผู้ติดเชื้อที่สบายดี หรือ ไม่มีอาการ (Asymptomatic cases , Mild symptomatic)
- มีอายุน้อยกว่า 60 ปี
- มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
- ไม่มีภาวะอ้วน
- ไม่มีโรคร่วม ได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โรคไตเรื้อรัง (CKD stage 3, 4) โรคหัวใจและ หลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ และโรคอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์
- อยู่คนเดียว หรือ ที่พักอาศัยสามารถมีห้องแยกเพื่ออยู่คนเดียวได้
- ยินยอมแยกตัวในที่พักของตนเอง
และสำหรับผู้ป่วยที่รักษาตัวที่บ้านนั้นควรมีการติดตามอาการตัวเองอย่างสม่ำเสมอ โดยมีข้อแนะนำดังนี้
- ให้สังเกตอาการตนเองทั้งการวัดอุณหภูมิ (ไม่เกิน 38 องศาเซลเซียส) และวัดระดับออกซิเจนในเลือดที่ปลายนิ้วหรือ oxygen saturation ไม่ควรต่ำกว่า 96% รวมทั้งขอคำแนะนำเรื่องการสังเกตอาการเพิ่มเติมจากแพทย์ ซึ่งตอนนี้ได้มีการเปิดตัวบริการช่วยเหลือผู้ป่วยที่ทำ Home Isolation มีการส่งปรอทวัดไข้และอุปกรณ์วัดค่าออกซิเจนในเลือดที่ปลายนิ้วให้กับผู้ป่วย รวมทั้งมีระบบการติดตามอาการตลอด 24 ชั่วโมงและสามารถติดต่อขอคำปรึกษากับแพทย์ได้ (มีทั้งชุด Covid Home Care ของ We Care Network และบริการของทีม Comcovid-19 รวมถึงกล่องรอดตายของกรมควบคุมโรค)
- หากมีอาการแย่ลง คือ มีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ เช่น หอบ เหนื่อย ไข้สูง ไม่สามารถปฏิบัติกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ ให้รีบโทรติดต่อโรงพยาบาลที่รักษาตัวอยู่ทันที
- ในกรณีฉุกเฉินหากต้องเดินทางไปโรงพยาบาลให้ใช้รถยนต์ส่วนตัว หรือเรียกรถโรงพยาบาลมารับ ไม่ใช้รถสาธารณะ ให้ทุกคนในรถใส่หน้ากากอนามัย (ไม่ใช้หน้ากากผ้า) ตลอดเวลาที่เดินทาง หากมีผู้ร่วมยานพาหนะมาด้วย ให้เปิดหน้าต่างรถเพื่อเพิ่มการระบายอากาศ สำหรับช่องทางติดต่อหารถและเตียงนอกจาก 1668 1669 แล้วก็ยังมีอีกหลายหน่วยงานอาสาเช่น เพจหมอแลบ หรือ https://www.thai.care/
แล้วถ้าต้อง Home Isolation มีของอะไรที่ต้องมีไว้สำหรับการรักษาตัวอยู่บ้าน?
เอาง่าย ๆ ก็ดูตามอย่างของที่มีในชุด Covid Home Care ของ We Care Network หรือกล่องรอดตาย ซึ่งหลัก ๆ จะประกอบไปด้วย
- ชุดตรวจวินิจฉัย Rapid Test
- เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้
- ยาลดไข้ ยาละลายเสมหะ สมุนไพรฟ้าทลายโจร
- เครื่องวัดระดับออกซิเจนในเลือดที่ปลายนิ้ว
- หน้ากาก เจลแอลกอฮอล์ (ซึ่งน่าจะมีกันอยู่แล้ว)
ดังนั้นอุปกรณ์เหล่านี้จึงถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่พิจารณาแล้วว่าควรต้องมีไว้หากต้องทำ Home Isolation
ชุดตรวจ Rapid Test ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดอาทิตย์นี้ก็จะเริ่มมีขายตามร้านขายยาอย่างแพร่หลายให้เราซื้อมาตรวจเบื้องต้นกันได้เองแล้ว ซึ่งอาจมีไว้สำหรับคนในบ้านหรือตรวจประเมินว่าหายสนิทแล้ว แต่ตอนนี้ราคาตอนนี้พุ่งไปชุดละ 400-500 บาทแล้ว(แพงเอาเรื่อง) ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ก็กำลังพิจารณาแนวทางควบคุมราคาอยู่
ปรอทวัดไข้ หลายบ้านคงมีไว้ใช้อยู่แล้ว ราคาก็มีตั้งแต่ไม่ถึงร้อยไปถึงหลายร้อยบาท (แบบดิจิทัล)สำหรับยาลดไข้และแก้อาการอื่น ๆ เช่นยาละลายเสมหะก็หาซื้อได้ไม่ยากตามร้านขายยาทั่วไป
สมุนไพรฟ้าทะลายโจร ตอนนี้ที่จะหายากหน่อยก็คงเป็นสมุนไพรฟ้าทะลายโจรนั่นเอง ซึ่งราคาก็ไม่แน่นอนแล้วแต่ยี่ห้อและร้านค้าที่จำหน่ายและของก็เริ่มขาดตลาดแล้ว
ซึ่งการใช้ฟ้าทะลายโจรในรักษาโควิดนั้นปัจจุบันจะให้กับผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อย ไม่แนะนำให้ซื้อมากินเพื่อหวังผลในการป้องกันไวรัสโควิด-19 แต่สามารถซื้อมารับประทานเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันได้ และการใช้ฟ้าทะลายโจรก็ต้องระวังการแพ้รวมถึงไม่ควรใช้กับผู้ป่วยโรคตับและโรคไต
เครื่องวัดระดับออกซิเจนในเลือดที่ปลายนิ้ว อีกหนึ่งอุปกรณ์สำคัญในการเฝ้าระวังดูอาการของผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งใช้บ่งบอกถึงความสามารถในการทำงานของปอดผู้ป่วยซึ่งถ้าไวรัสลงปอดและมีอาการอักเสบรุนแรงก็จะส่งผลให้ หอบ เหนื่อย และระดับออกซิเจนในเลือดลดต่ำลงจนเป็นอันตรายต้องรีบส่งตัวเข้ารับการรักษาในระบบโดยด่วน
สำหรับค่าตัวของเครื่องวัดออกซิเจนนี้ก็จะอยู่ที่ประมาณพันต้น ๆ ก็ถือว่ามีราคาแต่ก็จำเป็น ซึ่งถ้าหากติดต่อกับหน่วยงานที่กล่าวมาข้างต้นเขาจะมีการสนับสนุนอุปกรณ์เหล่านี้ให้เพื่อช่วยผู้ป่วยในการทำ Home Isolation
แล้วอุปกรณ์อื่น ๆ ยังมีอะไรอีกไหมที่ควรมีไว้?
ตอนนี้ก็เริ่มมีกระแสการขาดตลาดของถังออกซิเจน เครื่องทำออกซิเจน หลอดไฟ UV-C สำหรับฆ่าเชื้อ ถามว่าของเหล่านี้จำเป็นแค่ไหนต่อการทำ Home Isolation? เครื่องวัดความดันจำเป็นต้องมีไหม?
เริ่มที่เครื่องวัดความดันกันก่อน สำหรับโรคที่เกิดจากไวรัสโควิด-19 นั้น การวัดความดันไม่ค่อยบอกอะไรเกี่ยวกับอาการหรือความก้าวหน้าของโรค ไม่เหมือนกับการวัดไข้หรือระดับออกซิเจนที่มีความสัมพันธ์กับความรุนแรงของโรคชัดเจน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องมีไว้ก็ได้ครับ
ถังออกซิเจน/ เครื่องผลิตออกซิเจน อันนี้น่าคิด เพราะถ้าหากตรวจวัดระดับออกซิเจนออกมาต่ำกว่า 95% แล้วมีการติดต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดหาโรงพยาบาลสำหรับเข้ารับการรักษา แต่ด้วยสภาวะที่เป็นอยู่ตอนนี้คือเตียงเต็ม ไม่รู้ว่าจะได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเมื่อไหร่ ผู้ป่วยที่ทำ Home Isolation อาจต้องการเจ้าสิ่งนี้ในช่วงของการรอเตียง
แต่ทั้งนี้ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเครื่องผลิตออกซิเจนที่เห็นมีขายในท้องตลาดนั้นไม่ได้เอาไว้ใช้สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 เพราะความสามารถในการผลิตยังต่ำกว่าเครื่องผลิตออกซิเจนให้ผู้ป่วยในโรงพยาบาลอยู่มาก (แต่ก็ยังดีกว่าไม่มี) ซึ่งราคาของเจ้าเครื่องผลิตออกซิเจนนี้ก็เริ่มตั้งแต่ครึ่งหมื่น ไปถึงหมื่นปลายเลยทีเดียว
ดังนั้นบางทีถังออกซิเจนก็อาจเป็นตัวเลือกที่ประหยัดกว่า เพราะราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 2,000 บาทสำหรับขนาด 0.5 คิว แต่แบบนี้ใช้แล้วหมดดังนั้นก็จะทำให้มีระยะเวลารอเตียงที่จำกัดกว่า ซึ่งตอนนี้ไม่ว่าจะถังออกซิเจนหรือเครื่องผลิตออกซิเจนก็เริ่มขาดตลาดเป็นที่เรียบร้อย
หลอดไฟ UV-C ที่ใช้สำหรับฆ่าเชื้อโควิด-19 อีกหนึ่งไอเทมที่น่าสนใจ ซึ่งเราก็เคยได้เห็นกันมาบ้างแล้วกับวิธีการใช้หลอดไฟรังสี UV ส่องเพื่อฆ่าเชื้อโควิด-19 ในโรงพยาบาลหรือสถานที่ต่าง ๆ ดังนั้นก็เลยมีการทำโคมหลอดไฟ UV-C แบบตั้งโต๊ะสำหรับใช้งานในบ้าน ซึ่งก็เป็นไอเดียที่ดีสำหรับบ้านที่อยู่กันหลายคนแต่ไม่มีห้องแยกได้มากพอและอาจต้องมีการใช้พื้นที่ร่วมกัน ดังนี้เจ้าหลอดไฟ UV-C ฆ่าเชื้อนี้ก็อาจจะมีประโยชน์มากทีเดียว
แต่หลอดไฟแบบนี้ต้องมีข้อระวังในการใช้ เพราะแสง UV-C นั้นเป็นอันตรายหากสัมผัสโดยตรงจะทำให้ผิวหนังอักเสบและไหม้ และหากได้รับในระดับความเข้มสูง อาจทำให้เยื่อบุตาอักเสบ แสบตา น้ำตาไหล แพ้แสง ตาแดง ในระยะยาวอาจเกิดต้อลม ต้อกระจก จนสูญเสียความสามารถในการมองเห็นได้ นอกจากนี้หากแสง UV-C ไปสัมผัสกับโมเลกุลของออกซิเจน (O2) ในอากาศ จะเกิดก๊าซโอโซน (O3) ซึ่งเป็นก๊าซพิษที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจอีกด้วย ดังนั้นระหว่างเปิดไฟ UV ฆ่าเชื้อก็ต้องไม่มีคนอยู่ในห้อง
สำหรับราคาโคมไฟ UV ที่เห็นนี้ราคาจะอยู่ประมาณ 2,200-2,500 บาท
**************************************************************************************
และนี่ก็คือลิสต์อุปกรณ์สำหรับการทำ Home Isolation ที่ทีมงานหาข้อมูลมาฝาก ยังไงก็ลองพิจารณาตามความเหมาะสมและงบประมาณของแต่ละบ้านกันดู หวังว่าวิกฤติโควิด-19 นี้จะทุเลาเบาบางลงได้ในเร็ววัน และขอเอาใจช่วยและเป็นกำลังใจให้กับทุกภาคส่วนในการฝ่าฟันวิกฤติในครั้งนี้
อ้างอิง
https://www.baanlaesuan.com/239566/ideas/home-isolation
https://www.sarakadeelite.com/better-living/home-isolation-guideline