ผ่านไปแล้วค่ะกับงาน CES ASIA กับงานแสดงสินค้าเทคโนโลยี ที่บินข้ามมาจัดในเอเซียครั้งแรกที่เมืองเซี้ยงไฮ้ ประเทศจีน ซึ่งทีมงานของ Dailygizmo ได้รับเชิญจาก Ford ประเทศไทยให้ร่วมสัมผัสนวัตกรรมใหม่ๆด้านยานยนต์ด้วย งานนี้มีอะไรอัพเดทไปติดตามได้เลยค่ะ

DSCF1593

แน่นอนว่าแนวโน้มของเทคโนโลยีรถยนต์ในอนาคตทุกค่ายๆต่างพุ่งเป้าไปในทิศทางเดียวกันคือ Connected Car คือรถยนต์สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้เพื่อเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นในการขับรถ ไม่ว่าจะเป็นสภาพการจราจร สภาพอากาศ แผนที่ต่างๆ ซึ่งในอนาคตจะขยายขีดความสามารถให้รถยนต์สามารถคุยกันเองได้เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากมนุษย์ที่เป็นคนขับ ซึ่งจุดหมายสูงสุดก็น่าจะเป็น รถยนต์ไร้คนขับที่เราน่าจะได้เห็นวิ่งบนถนนจริงๆภายในอีก 5-10 ปีข้างหน้านี้ ทางค่ายรถยนต์ต่างๆก็ซุ่มพัฒนาเทคโนโลยีใหม่รองรับเทรนด์นี้ในอนาคต ทางฟอร์ดเองก็ขนเทคโนโลยีพร้อมแนวคิดเด่นๆมาโชว์ในงาน CES ASIA ปีนี้ด้วย

DSCF1594

SYNC 3

เริ่มจากเทคโนโลยีที่ใกล้ตัวเราที่สุดก่อน นั่นก็คือ ระบบให้ความบันเทิงในรถยนต์ (Infotainment) ที่นำจอในรถยนต์มาใช้ประโยชน์ ไม่ใช่แค่ดูหนังฟังเพลงเท่านั้น แต่ยังนำมาใช้บอกข้อมูลต่างๆด้วย ซึ่งทางฟอร์ดเองก็เริ่มพัฒนาระบบที่มีชื่อว่า SYNC มาตั้งแต่ปี 2007 เรียกว่ามาตั้งแต่สมาร์ทโฟนยังไม่ได้รับความนิยมเท่าปัจจุบัน นัยถึงตอนนี้มีรถยนต์ฟอร์ดที่ใช้งาน SYNC ทั่วโลกแล้วประมาณ 12 ล้านคัน ซึ่งเวอร์ชั่นล่าสุดนั้นจะเป็น SYNC 3 รุ่นที่สามแล้ว โดยเวอร์ชั่นนี้จะมาพร้อมกับรถยนต์ของฟอร์ดที่เริ่มวางขายในอเมริกาปีนี้ ส่วนประเทศอื่นๆน่าจะได้ใช้กันในปีหน้าค่ะ

DSCF1604

จุดเด่นของ SYNC 3 ก็คือ มันสามารถทำงานได้เต็มรูปแบบด้วยตัวของมันเอง ไม่ว่าจะดูหนังฟังเพลง, ใช้เป็น Hand free รับสายโทรศัพท์, ดู SMS, ดูแผนที่ เช็คการจราจร ค้นหาร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน ทั้งหมดนี้สามารถเรียกใช้ด้วยการสั่งงานด้วยเสียงได้ทันที ทำให้ไม่ต้องละสายตาจากท้องถนน ช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุ เรียกว่าครบทุกฟีเจอร์ที่คนขับรถต้องการ ที่สำคัญยังรองรับทั้งระบบ Car Play ของฝั่ง iOS และ Android Auto ซึ่งทางทีมงานได้ลองทดสอบเชื่อมต่อกับไอโฟน 6 ก็พบว่าทำงานได้ดีทีเดียว แถมยังใช้งานสิริภาษาไทยได้ด้วย ในส่วนของแอปบนมือถือก็สามารถส่งขึ้นไปเล่นบนจอในรถได้เช่นกัน แต่ต้องเชื่อมต่อผ่านสายเท่านั้นค่ะ ส่วนในไทยเองเราจะได้ใช้ SYNC 2 ก่อนค่ะ โดยจะมาพร้อมกับ Ford Everest รุ่นใหม่ที่จะเริ่มจำหน่ายในไทยเร็วๆนี้

DSCF1616

อีกสองเทคโนโลยีที่น่าสนใจของ Connected Car ก็คือ Remote Repositioning หรือการควบคุมรถยนต์จากระยะไกลโดยใช้จอมือถือของเรานี่แหละค่ะ  เหมือนที่ดูในหนังเลย ซึ่งเทคโนโลยีนีถือว่านำไปใช้งานจริงได้หลากหลาย เช่น บังคับให้รถยนต์มารับเราเวลาที่ฝนตก หรือ นำรถไปจอดได้โดยไม่จำเป็นต้องนั่งอยู่ในรถ

DSCF1615

ต่อมาคือ Parking Spotter ระบบช่วยหาที่จอดรถอัตโนมัติ หลักการทำงานคล้ายๆกับเพื่อนช่วยบอกเพื่อน โดยที่รอบคันรถจะมีเซนเซอร์ตรวจจับหาที่ว่าง ถ้ารถของเราวิ่งเจอที่ว่างเมื่อไหร่ มันก็จะส่งข้อมูลขึ้นไปยังระบบ Cloud บอกต่อไปยังแอปบนสมาร์ทโฟน เพื่อบอกให้รถคันอื่นที่กำลังหาที่จอดอยู่ รู้ว่าตรงไหนว่างบ้าง มีที่ว่างกี่คัน ซึ่งหัวใจสำคัญของสองเทคโนโลยีนี้ก็คือเครือข่าย LTE อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงและระบบ Clound ที่ช่วยให้การประมวลผลข้อมูลได้อย่างถูกต้องแม่นยำ

DSCF1596

GoDrive

มาดูแนวคิดเรื่องของการประหยัดพลังงานกันบ้าง ปัจจุบันเมืองใหญ่ๆมีประชากรหนาแน่น และการมีรถยนต์เป็นของตนเองก็อาจไม่ใช่คำตอบที่คุ้มค่าหรือสะดวกสบายที่สุดเสมอไปสำหรับการเดินทาง ทางฟอร์ดประกาศเปิดโครงการทดลอง GoDrive London แนวคิดก็คือ รถยนต์หนึ่งคันแบ่งกันใช้ หลายคนๆก็ไม่ได้ใช้รถยนต์ทั้งวันอยู่แล้ว บางคนขับไปทำงานเช้าเย็น ระหว่างวันก็จอดไว้เฉยๆที่ออฟฟิซ โครงการนี้จึงเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปที่เป็นสมาชิก 2,000 คนได้ร่วมทดสอบบริการแบ่งการใช้รถยนต์จำนวน 50 คัน จาก 20 จุดบริการทั่วเมือง

ลองนึกภาพตามดูนะคะพอคุณขับรถไปถึงที่ทำงานปั๊บจะมีคมารอรับใช้รถคันนี้ต่อ อาจจะเป็นเพื่อร่วมงาน เพื่อนบ้าน ซึ่งจะช่วยให้คนที่ไม่สามารถซื้อรถยนต์ไว้เป็นของตัวเองได้หรือคนที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้รถยนต์เป็นประจำ ได้มีรถยนต์ใช้  โดยจ่ายค่าบริการตามการขับขี่จริง และใช้งานร่วมกับบริการขนส่งมวลชนในรูปแบบอื่นได้

DSCF1611

MyEnergi Lifestyle

อีกแนวโน้มที่น่าสนใจก็คือ การประหยัดพลังงาน ทาง ฟอร์ดได้ผนึกกำลังกับผู้นำจากวงการเครื่องใช้ไฟฟ้า พลังงานหมุนเวียน และโซลูชั่นการบริหารจัดการพลังงาน เพื่อเปิดตัวโครงการนำร่อง MyEnergi Lifestyle ในเซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง

แนวคิด MyEnergi Lifestyle เป็นการนำแหล่งพลังงานหมุนเวียน อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า และรถยนต์แบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด จะช่วยให้ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในครอบครัวลดลงเป็นอย่างมาก ทั้งยังลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่ชั้นบรรยากาศได้อีกด้วย

DSCF1610

โครงการนำร่อง MyEnergi Lifestyle ในประเทศจีนเป็นผลงานการพัฒนาของฟอร์ดและนักวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีจอร์เจีย โดยคาดว่ารูปแบบไลฟ์สไตล์ตามคำแนะนำของโครงการนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพลังงานลงได้ถึง 63% หรือแบ่งออกเป็นค่าไฟฟ้าที่ลดลง 40% และค่าน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดลงอีก 69% คิดเป็นมูลค่ารวมราว 9,400 หยวนต่อปี ส่วนระดับการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ก็จะลดลงถึง 45% หรือคิดเป็นปริมาณกว่า 6,828 กิโลกรัม นอกจากนี้ ปริมาณการปล่อยก๊าซและอนุภาคที่ก่อให้เกิดมลภาวะก็จะลดลงเป็นอย่างมากเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยอนุภาค PM2.5 และ PM10 ที่ลดลง 32% และ 35% ตามลำดับ หรือระดับการปล่อยไนโตรเจนออกไซด์และซัลเฟอร์ออกไซด์ที่ปรับตัวลงกว่า 38%

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทาง Ford ประเทศไทย ที่เชิญทีมงาน Dailygizmo ไปร่วมงาน CES ASIA ครั้งนี้ด้วยค่ะ