Byton M-Byte รถ SUV ที่ใช้ระบบพลังไฟฟ้าทั้งคัน มาพร้อมแบตเตอรี่ 2 รุ่นคือ ขนาด 72kWh (วิ่งได้ 360 กิโลเมตร / 224 ไมล์) และแบตเตอรี่ขนาด 95kWh (วิ่งได้ 460 กิโลเมตร / 286 ไมล์) โดยในรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 200KW ส่วนรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อนั้นจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 300KW สามารถชาร์จไฟได้ง่าย และรองรับ Fast Charging ที่ทำให้คุณสามารถชาร์จพลังงานจาก 0 – 80% ได้ในเวลาเพียง 35 นาทีเท่านั้น

แต่สิ่งที่ทำให้ Byton M-Byte นั้นโดดเด่นตรึงสายตาผู้เข้ารวมงานนั้นไม่ใช่แค่สเปคของตัวรถเท่านั้น แต่เป็นหน้าจอ Display ขนาด 48 นิ้วที่อยู่บริเวณแผงคอนโซลด้านหน้า

ที่สามารถมองเห็นได้จากทุกที่นั่งในห้องโดยสาร โดยที่ที่นั่งด้านหลังจะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะที่นั่งฝั่งคนขับและข้างคนขับสามารถเปิดเบี่ยงออกได้ (Rotated Seats Transform)

โดยสามารถโชว์ภาพของโหมดต่างๆได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น โหมดภาพยนตร์ โหมดเกมส์ โหมดออฟฟิศ หรือจะเป็น Byton OS ที่จะทำให้ชีวิตของคุณนั้นง่าย ด้วยการควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆได้ง่าย ผ่านหน้าจอ Touch Screen บริเวณพวงมาลัยเต็มรูปแบบครั้งแรกของโลก และบริเวณที่วางแขนที่เป็นจอ Touch Screen เช่นเดียวกัน สามารถอัปเดตซอฟต์แวร์บนรถแบบ OTA (Over The Air Updates) สามารถสั่งการ ด้วยคำสั่งเสียง ท่าทางหรือปุ่มคำสั่ง จึงทำให้ Byton M-Byte เป็นนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคตที่แท้จริง

Byton M-Byte เป็นโมเดลแรกที่มีการผลิตด้วยโรงงานของตนเองในหนานจิง ประเทศจีน โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 45,000 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,300,000 บาท

Byton M-Byte อยู่ภายใต้การควบคุมดีไซน์โดย Benoit Jacob ที่นั่งตำแหน่ง Vice President of Design รวมถึงยังได้ดึงเอา Dr. Andreas Schaaf มานั่งตำแหน่ง Chief Customer Officer Position ที่ทำให้คอนเซ็ปต์ของแบรนด์ที่ว่า “การออกแบบที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง” ออกมาเป็นรูปเป็นร่างได้อย่างดี ด้วยการดีไซน์ของรถที่ตอบโจทย์ที่ผ่านๆมาของลูกค้า ที่ต้องการยกระดับการใช้ชีวิตในทุกๆวันได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยอยู่บนมาตรฐานความปลอดภัยที่สูง ซึ่งเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของ Byton ที่ทำให้ลูกค้ายังคงแวะเวียนกลับมาเยี่ยมชมอยู่เสมอ..

Source: BYTON