ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาหลายๆท่านคงจะเห็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับฆ่าเชื้อโรคมากมายหนึ่งในนั้นคือแสงยูวีที่มีขายกันตามท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็นตลับแสงยูวีที่ใช้ฆ่าเชื้ออุปกรณ์ส่วนตัว หรือเครื่อง อบขวดนมลูกและของเล่นที่มีแสง UV ฆ่าเชื้อด้วย หรือจะเป็นหุ่นยนต์ที่ใช้แสงยูวี ในการฆ่าเชื้อตามโรงพยาบาล วันนี้เราจะมาหาคำตอบและเฉลยความลับของแสง UV กัน

ความจริงแล้ว แสงจากดวงอาทิตย์นั้น มีส่วนประกอบของความยาวคลื่นหรือสเปกตรัมของแสงในหลากหลายส่วน ตั้งแต่รังสีแกมมา เอกซเรย์ UV แสงสีรุ้ง อินฟราเรด Microwave และ Radio Wave ทั้งหมดนี้คือคลื่นที่แสงอาทิตย์ผลิตออกมาส่งตรงมายังโลกของเราแต่สายตาของเราจะมองเห็นเพียงแค่แสงสีรุ้งเท่านั้น

อย่างไรก็ตามด้วยความโชคดีที่โลกของเรามีชั้นบรรยากาศและชั้นโอโซนที่สามารถปกป้อง สิ่งมีชีวิตบนโลกให้ห่างไกลอันตรายจากสามรังสีแรกได้ คือ รังสีแกมมา เอกซเรย์และ UV แต่ในความเป็นจริงแล้ว จะมีรังสี UV บางส่วนที่สามารถตกลงมาถึงพื้นโลกได้

โดยในกลุ่มของรังสี UV จะแบ่งออกเป็นอีก 3 ชนิดย่อย คือ UV A (315-400 นาโนเมตร), UV B (280-315 นาโนเมตร) และ UV C (200-280 นาโนเมตร)
โดยในธรรมชาตินั้นแสง UVA สามารถทะลุผ่านชั้นบรรยากาศลงมาได้สู่ผิวโลกได้มากถึง 95% UV B สามารถทะลุผ่านบรรยากาศลงมาได้สู่ผิวโลกได้เพียง 4 เปอร์เซ็นต์ แต่ส่วน UVC นั้นจะไม่สามารถลงมาสู่ ชั้นพื้นผิวโลกได้เลย เนื่องจากถูกปิดกั้นด้วยชั้นบรรยากาศและชั้นโอโซน

ดังนั้นจึงเป็นไปได้ยากมาก หากเราเพียงแค่ยืนตากแดด เพื่อต้องการจะได้รับรังสี UV C เพื่อที่จะฆ่าเชื้อโรค แต่ก่อนที่เราจะได้รับรังสียูวีเพื่อฆ่าเชื้อโรคนั้นเราอาจจะต้องได้รับรังสีอย่างอื่นและเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตเสียก่อนหรือไม่ก็อาจจะเป็นลมแดดเนื่องจากความร้อนผิวไหม้เนื่องจากได้รับรังสีอินฟราเรดและเป็นมะเร็งผิวหนังเพราะได้รับรังสี UVA ที่มากเกินไป

นอกจากนี้ด้วยคุณสมบัติของ UVA และ UVB นั้นมีความสามารถในการทะลุทะลวงลงไปชั้นใต้ผิวหนังของเราได้มากกว่าปกติ ทำให้ เซลล์ทุกเซลล์ของเราจะได้รับรังสีอย่างเต็มๆ

หากถามว่ายูวีไปฆ่าเชื้อโรคได้อย่างไร….

จริงๆแล้วรังสี UV ไม่ได้ฆ่าเชื้อโรคนะครับ แต่มันไปทำลาย DNA ของสิ่งมีชีวิต จนทำให้สิ่งมีชีวิตชนิดนั้นไม่สามารถออกลูกออกหลานเจริญพันธุ์ต่อได้ มนุษย์เราก็เช่นกันครับเป็นสิ่งมีชีวิต หากได้รับรังสี UV ปริมาณมากเกินไปเซลล์ก็ตายหรือ การกลายพันธุ์ เกิดมิวเทชันเปลี่ยนแปลง เป็นเซลล์มะเร็งได้เช่นกัน

ดังนั้นถึงเป็นเหตุว่าทำไมสาวๆและเราทุกคนจำเป็นต้องใช้ครีมกันแดดนะครับ

อีกอย่างการที่เราจะ ฆ่าเชื้อโรคนั้น เชื้อโรคเองจะต้องได้รับปริมาณรังสี UV ที่มากเพียงพอเพื่อไปทำลายโครงสร้าง DNA ยกตัวอย่างเช่นหากเราจะต้องฆ่าเชื้อโรค ด้วยรังสี UVC แนะนำให้ฉาย โดน บนพื้นผิววัตถุที่ต้องการฆ่าเชื้อโรค อย่างน้อย 10 นาที ด้วยกำลัง ของพลังงานบนพื้นผิวตกกระทบขนาดอย่างน้อย 6 วัตต์ ( หากใช้สูตรนี้รับรอง 90% ตายชัวร์ๆ) ( หรือถ้ากำลังไฟของหลอดผลิต UV มีค่าน้อย แนะนำให้เพิ่มระยะเวลาการฉายให้มากขึ้นนะครับ) หรือ หาก พื้นผิว วัตถุ นั้น อยู่ในด้าน เงามืด ของแสง หรือ มีวัตถุอื่น มาบดบัง เชื้อโรคบริเวณนั้น ก็ยังมีชีวิตรอดอยู่ได้น่ะครับ ฉะนั้น แสง UVC ต้องโดน พื้นผิวโดยรอบเลยน่ะครับ ( อารมณ์เหมือนผีแดรกคูร่า ต้องโดนแดด ถึงจะตายครับ)

แต่สุดท้ายแล้ว ด้วยความฉลาดของนักวิทยาศาสตร์ ก็สามารถที่จะ ประดิษฐ์แสงและคลื่นต่างๆได้ โดยใช้เทคโนโลยีทาง แม่เหล็กไฟฟ้า ทำให้เรามีอุปกรณ์ต่างๆมากมาย ยกตัวอย่างเช่นเครื่องฆ่าเชื้อเครื่องมือทางการแพทย์ด้วยรังสีแกมมาหรือเครื่องเอกซเรย์ ร่างกาย ของผู้ป่วย นอกจากนี้ยังมีการทำเครื่องแสงอาทิตย์เทียมที่เป็นแสง UVA ผสม UVB เพื่อใช้ในการรักษาโรคผิวหนังบางชนิด ส่วนคลื่นวิทยุและคลื่นไมโครเวฟ ก็นำมาประยุกต์ใช้ทางด้านโทรคมนาคม ดังนั้นเราต้องใช้เทคโนโลยีอย่างระมัดระวังด้วยนะครับ

และหากเพื่อนๆคนไหน ที่กำลังมองหาอุปกรณ์ฆ่าเชื้อด้วยแสง UV นั้น กรุณามองหาความยาวคลื่น UV C (200-280 นาโนเมตร) ที่ถูกต้องเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพ การฆ่าเชื้อที่ดีที่สุดครับ

โอกาสหน้า เพื่อนๆสนใจอยากทราบข้อมูล ด้านใด เกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านสุขภาพสามารถ comment กันมาได้นะครับ ที่ dailygizmo.tv


เขียนโดย: ดร.พงษธร โชติเกษมศรี

ผู้เชี่ยวชาญด้าน วิศวกรรมชีวการแพทย์

ความสนใจ ด้านเทคโนโลยีชีวภาพ พลังงาน โลกอนาคต และ วิญญาณ (พลังงานที่มองไม่เห็น