ตำรวจสหรัฐฯปิดคดีตามล่าคนร้ายหลอกเงินหลายแสนดอลลาร์ ที่หลบหนีมาตั้งแต่ปี 2005 หลังเทคโนโลยีจดจำใบหน้าตรวจพบพยายามเปิดบัญชีธนาคารในออสเตรีย
คนร้ายรายนี้มีชื่อว่า Randy Levine อายุ 54 ปี มีคดีหลอกเงินเหยื่อกว่า 20 ราย ตุ๋นเงินกว่าหลายแสนดอลลาร์ หลังทำผิดก็ได้แอบหนีออกจากสหรัฐตั้งแต่ปี 2005 แม้จะยึดหนังสือเดินทางเอาไว้แต่ก็มีการแจ้งเอกสารหายขอทำใหม่ ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งใคนร้ายที่ FBI ต้องการตัว
Levine นั้นหลอกเหยื่อด้วยการใช้เบอร์โทรศัพท์ที่อยู่ในลาสเวกัส พร้อมเปิดเสียงเพลงแสร้งงว่าโทรมาจากคาสิโน จากนั้นชักชวนเหยื่อให้เปิดบัญชีโอนเงินเข้ามา รับเป็นตัวแทนในการเล่นพนันต่างๆ มีคนหลงเชื่อมากกว่า 20 ราย แม้ในปี 2008 เขาจะถูกจับกุมตัวได้ที่โปแลนด์แต่ด้วยข้อกฎหมายระหว่างสหรัฐและโปแลนด์ที่ไม่มีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนจึงทำให้เขาหลบหนีไปได้อีกครั้งในปี 2011
เทคโนโลยีจดจำใบหน้าตามตัวคนร้าย
หลังจากหลบหนึการจับกุมได้นานถึง 15 ปีเลย ในปี 2020 ทาง FBI ได้ข้อมูลจากตำรวจออสเตรียว่ามีคนร้ายได้พยายามเปิดบัญชีปลอมกับธนาคารแห่งหนึ่งโดยใช้หนังสือเดินทางปลอมของเม็กซิโก แต่ระะบบตรวจจับใบหน้า ตรวจสอบแล้วตรงกับฐานข้อมูลอาชญากรรมของตำรวจ ว่าคือ Randy Levine ที่ทาง FBI ต้องการตัวจนนำไปสู่การจับกุมในเดือนมิถุนายน 2020
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ระบบตรวจจับใบหน้าสามารถช่วยจับคนร้ายได้ ยิ่งตอนนี้มีการเชื่อมต่อข้อมูลถึงกันทั่วโลกทำให้การตามตัวผิดกระทำผิดในคดียากๆได้ง่ายขึ้น แต่ก็ยังมีประเด็นเรื่องของความเป็นส่วนตัวที่ยังถกเถียงกันอยู่ว่าภาครัฐในการสอดส่องประชาชน นอกจากนั้นยังมีเรื่องของการระบุตัวตนผิดพลาดที่ยังมีให้เห็นอยู่บ้าง
ที่มา The Verge