ด้วยการใช้คลื่นไมโครเวฟ ทำให้นักวิจัยจาก MIT พัฒนาเทคโนโลยีที่มองทะลุกำแพงได้ในแบบ real time

ด้วยระบบคลื่นเรด้าร์ที่พัฒนาขึ้นโดย Gregory Charvat และ John Peabody จาก Lincoln Laboratory ที่ใช้การส่งคลื่นไมโครเวฟไปยังวัตถุที่ต้องการให้สะท้อนกลับมา นำไปสร้างภาพบนหน้าจอ ซึ่งคลื่นนี้สามารถเจาะทะลุกำแพงคอนกรีตหนาๆได้ โปรเจคนี้เริ่มแรกเป็นปริญญานิพนธ์ของ Charvat ซึ่งเค้าได้พัฒนาตัวต้นแบบได้ช้ามาก พอเค้าย้ายไปที่ Lincoln Lab ก็ได้จับมือร่วมกับ Peabody ที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับถ่ายภาพเนื้อเยื่อของมนุษย์ในสภาพแวดล้อมทางการแพทย์ อย่างในโรงพยาบาล

หลายคนคิดว่ารังสี X-ray อาจจะเหมาะกับการประยุกต์ใช้ในการมองทะลุมากกว่า แต่มันก็มีอันตรายจากการแผ่รังสีอยู่ ดังนั้นเค้าจึงเลือกใช้ไมโครเวฟเทคโนโลยีที่ทรงพลังแบบเดียวกับที่มือถือใช้กันอยู่ เพราะอนุภาคมันไม่แรงจนเกินไป คลื่นไมโครเวฟที่นำมาใช้ เมื่อส่งออกไปจะสะท้อนกลับมามากถึง 99.4% เมื่อกระทบกับวัตถุอย่างกำแพง มีเพียงแค่ 0.6% ที่สามารถทะลุผ่านวัตถุไปยังด้านตรงข้ามได้

ระบบนี้สามารถสร้างภาพในระบบ real-time ด้วยความเร็ว 10.8 เฟรมต่อวินาที แต่ข้อจำกัดของมันก็คือทะลุกำแพงที่มีความหนา 8 นิ้วเท่านั้น แต่มันยังสามารถพัฒนาให้เพิ่มขึ้นได้อีกด้วยการเพิ่มกำลังส่งหรือใช้คลื่นความถี่ที่ต่ำลง แต่นั่นก็อาจทำให้ความละเอียดของภาพที่ได้ลดลง เทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้ในกองทัพ เพื่อตรวจสอบภัยอันตรายในตัวอาคารโดยที่ไม่ต้องส่งนายทหารเข้าไปเลย ช่วยลดการสูญเสียชีวิตได้เยอะเลย

อย่างไรก็ตามเรื่องความเป็นส่วนตัวเป็นอีกปัจจัยนึงที่ต้องคำนึงถึงค่ะ เพราะมันอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดได้ ซึ่งการที่เทคโนโลยีมีความรุดหน้าไปเร็วเท่าไหร่ กฏหมายต่างๆที่มีอยู่ก็ยิ่งตามไม่ทัน จะควบคุมยังไงให้คนบริสุทธิ์ได้รับการปกป้องค่ะ

[youtube http://www.youtube.com/watch?v=H5xmo7iJ7KA&w=560&h=315]

VIA CNN