หลังมีข่าวดีในการทดลองวัคซีนต้านเอดส์กับลิงไป ล่าสุดหญิงวัย 30 ติดเชื้อ HIV มานานกว่า 8 ปีหายจากโรคได้เองโดยไม่ต้องพึ่งการรักษาแบบปกติเลย
นักวิจัยกล่าวว่าพวกเขาได้พบผู้ป่วยโรคเอดส์รายที่สองของโลกจากเมืองเอสเปรันซา ประเทศอาร์เจนตินา ที่ร่างกายสามารถกำจัดโรคให้หายได้ด้วยตัวเอง ซึ่งมีเพียงสองคนในโลกเท่านั้นที่หายได้ด้วยตัวเอง รายแรกคือคือหญิงอายุ 67 ปีชื่อลอรีน วิลเลนเบิร์ก
ติดเชื้อมานานกว่า 8 ปี แต่หายเอง
ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อเอชไอวีครั้งแรกในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2556 ซึ่งเธอไม่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสจนถึงปี พ.ศ. 2562 จากนั้นเธอเริ่มตั้งครรภ์และเริ่มการรักษาด้วยยา tenofovir, emtricitabine และ raltegravir เป็นเวลาหกเดือนในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ของเธอ และหลังจากคลอดทารก (ติดเชื้อ HIV เช่นกัน) หลังจากนั้นเธอก็หยุดการรักษา
ผลการวิเคราะห์จากเลือดและเนื้อเยื่อของเธอ แสดงให้เห็นว่าเธอเคยติดเชื้อเอชไอวีมาก่อน แต่ตอนนี้นักวิจัยพบว่าไม่มีไวรัสหลงเหลืออยู่ แต่พบไวรัสที่บกพร่อง 7 ตัว นักวิจัยไม่แน่ใจว่าร่างกายของผู้ป่วยสามารถกำจัดไวรัสได้อย่างไร แต่คิดว่านี่เป็นการผสมผสานระหว่างภูมิต้านทาน หรือกลไกภูมิคุ้มกันโดยกำเนิดก็อาจมีส่วนด้วย
Dr. Natalia Laufer ผู้วิจัยชาวอาร์เจนตินา และเพื่อนร่วมงานวิเคราะห์ตัวอย่างเลือดที่เก็บจากผู้ป่วย HIV อายุ 30 ปีระหว่างปี 2017 ถึง 2020 เธอมีลูกในเดือนมีนาคม 2020 ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถเก็บเนื้อเยื่อรกได้เช่นกัน
ขณะนี้ผู้คนประมาณ 38 ล้านคนติดเชื้อเอชไอวีทั่วโลก หากไม่ได้รับการรักษา การติดเชื้ออาจนำไปสู่โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือโรคเอดส์ได้ ส่วนปีที่แล้ว มีผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์ราว 690,000 รายทั่วโลก
ซึ่งผู้เชี่ยวชาญต่างลงความเห็นว่าหากมนุษย์สามารถใช้ประโยชน์จากกระบวนการดังกล่าวได้ นี่อาจจะเป็นทางออกของมนุษยชาติในการรับมือกับการติดเชื้อไวรัส HIV ซึ่งจะพลิกโฉมวงการแพทย์ไปตลอดกาล
ที่มา: CNN Health